Forex-Currency Trading-Swiss based forex related website. Home ----- กระดานสนทนาหน้าแรก ----- Gold Chart,Silver,Copper,Oil Chart ----- gold-trend-price-prediction ----- ติดต่อเรา
หน้า: [1] 2   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: news จ้ะ  (อ่าน 2887 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« เมื่อ: มีนาคม 04, 2012, 05:23:15 PM »

โลกร้อนทำให้ภูเขาเอเวอเรสต์'เตี้ยลง'


เวิลด์วาไรตี้ : โลกร้อนทำให้ภูเขาเอเวอเรสต์ "เตี้ยลง" : โดย ... วัจน พรหโมบล

รัฐบาลเนปาลกำลังเผชิญปัญหาที่แสนจะสร้างความปวดหัวให้อย่างมาก ทั้งยังจะลุกลามเป็นปัญหาระหว่างประเทศ จากการที่ยอดเขาเอเวอเรสต์ "เตี้ยลง" เนื่องจากภาวะโลกร้อนทำให้หิมะที่ปกคลุมยอดเขาละลายกลายเป็นน้ำ ซึ่งนั่นจะทำให้ยอดเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะ ที่เนปาลยึดถือเป็นเขตแดนคั่นขอบเขตกับประเทศจีนเกิดการเปลี่ยนแปลงไปและให้ประโยชน์กับจีน ที่ยึดถือยอดเขาที่เป็นหินแข็งเป็นเขตแดนมาตั้งแต่แรก

ว่ากันง่ายๆ ก็คือ หากหิมะละลายมากขึ้นๆ จะทำให้เนปาลมีดินแดนน้อยลง ขณะที่จีนจะมีดินแดนมากขึ้นๆนั่นเอง ยอดเขาที่เนปาลยึดถือเป็นหลักเขตแดนนั้น "เตี้ย" กว่ายอดเขาหินแข็งที่จีนยึดถือถึง 11 ฟุต ตัวเลขที่ไม่ตรงกันสามารถก่อให้เกิดปัญหาอย่างรุนแรงระหว่างประเทศเมื่อไหร่ก็ได้ เพราะแต่ละประเทศถือว่าดินแดนของตนทุกตารางนิ้วเป็นที่ละเมิดมิได้

         
ยิ่งไปกว่านั้น การที่หิมะละลายเนื่องจากปัญหาโลกร้อนยังส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของเนปาล ที่พึ่งพารายได้จากนักผจญภัยที่มีใจมุ่งมั่นพิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ให้ได้อย่างน้อยครั้งหนึ่งในชีวิต ชาวเฌอปา หรือคนภูเขา ที่ทำหน้าที่เป็นไกด์นำนักผจญภัยปีนขึ้นไปพิชิตยอดเอเวอเรสต์ ตระหนักดีว่า การที่หิมะละลายทำให้การปีนเขานั้นยากขึ้น และเสี่ยงอันตรายยิ่งขึ้นตามไปด้วย

         
อาปา เฌอปา ผู้เฒ่าที่ทำอาชีพไกด์พิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์มานานหลายสิบปี เปิดเผยว่า ปัจจุบันปริมาณหิมะบนยอดเขาเอเวอเรสต์ลดลงประมาณ 21% เมื่อเทียบกับช่วง 30ปีที่แล้ว

         
นอกจากนั้นอากาศในฤดูหนาวก็ยิ่งหนาวรุนแรง ขณะที่อากาศในฤดูร้อนก็ร้อนมากผิดปกติ ทำให้การพิชิตยอดเขาที่สูงที่สุดในโลกแห่งนี้ ยากมากขึ้นหลายเท่าตัว

         
เพื่อเป็นการแก้ปัญหา รัฐบาลเนปาลพยายามการวัดความสูงที่แท้จริงของยอดเขาแห่งนี้ ที่ต้องอาศัยเครื่องบอกพิกัดดาวเทียม (จีพีเอส) แบบเฮฟวี่ ดิวตี้ ที่สามารถทนอุณหภูมิต่ำถึง -50 องศาเซลเซียสได้ และต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญในการปีนป่ายขึ้นไปปฏิบัติภารกิจสำคัญระดับโลกเช่นนี้ ทั้งยังจะต้องได้รับการรับรองจากประชาคมโลกเมื่อตัวเลขความสูงที่วัดมาได้นั้นเปิดเผยออกไป

         
ทั้งนี้ ในการวัดความสูงยอดเขาเอเวอเรสต์อย่างเป็นทางการเมื่อปี 2542 โดยนักวิทยาศาสตร์อเมริกัน ตัวเลขความสูงของยอดเขาที่สูงที่สุดในโลกอยู่ที่ 8,850 เมตร แต่เมื่อเร็วๆ นี้ ที่มีการวัดความสูงครั้งใหม่ ยอดเขาเอเวอเรสต์เตี้ยลงถึง 2 เมตร เหลือความสูงเพียง 8,848 เมตร เท่านั้น

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #1 เมื่อ: เมษายน 16, 2012, 08:54:35 PM »

สมิทธ เตือน อาจเกิดแผ่นดินไหว-สึนามิถล่มปลายปี



ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ครอบครัวข่าว 3

          สมิทธ เตือน อาจเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ และสึนามิถล่มในช่วงปลายปี ระบุ งานวิจัยไอร์แลนด์ชี้กรุงเทพฯ เสี่ยงแผ่นดินไหวด้วย และจะเสียหายหนัก เพราะพื้นดินอ่อน สิ่งปลูกสร้างไม่มีมาตรการ

          วานนี้ (13 เมษายน) นายสมิทธ ธรรมสโรช อดีต ผอ.ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ กล่าวว่า ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวใหญ่ที่ประเทศอินโดนีเซียเมื่อวันที่ 11 เมษายนนั้น ดร.ก้องภพ อยู่เย็น วิศวกรชาวไทยในองคการนาซ่า เพิ่งจะส่งรายงานการเกิดพายุสุริยะมาให้ พร้อมกับเตือนว่า คลื่นพายุสุริยะซึ่งมีผลต่อสนามแม่เหล็กอย่างรุนแรงจะส่งผลต่อโลกในวันที่ 10 เมษายน โดยอาจทำให้บริเวณมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งเป็นส่วนเปลือกโลกที่ได้รับผลกระทบจากพายุสุริยะโดยตรงเกิดแผ่นดินไหว ขึ้นได้ และในที่สุด ถัดมาอีกหนึ่งวันก็เกิดแผ่นดินไหวขึ้นจริง ตนจึงเชื่อว่าการเกิดพายุสุริยะมีผลต่อเปลือกโลกจริง


          นายสมิทธ กล่าวต่อว่า สำหรับ การเกิดพายุสุริยะจะมีอย่างต่อเนื่องไปจนถึงปี พ.ศ.2556 แต่ที่รุนแรงที่สุดจะเกิดขึ้นในวันที่ 21 ธันวาคม ซึ่งตรงตามปฏิทินชนเผามายาได้ทำนายว่าเป็นวันสิ้นโลก ทั้งนี้ ในประเทศไทยเองก็มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ ทำให้เกิดความเสียหายมากมาย โดยเฉพาะถ้าเกิดแผ่นดินไหวในจุดที่ห่างจากกรุงเทพมหานครฯ ไป 350 กิโลเมตร ก็อาจทำให้กรุงเทพมหานครพังราบได้ง่าย ๆ เพราะพื้นดินอ่อน อีกทั้งสิ่งปลูกสร้างส่วนใหญ่ก็ไม่ได้มาตรฐาน ดังนั้น ภาครัฐต้องเร่งสำรวจสิ่งปลูกสร้างในกรุงเทพมหานครตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อเตรียมป้องกันล่วงหน้า

          ส่วนเรื่องรอยเลื่อนแผ่นดินไหวที่พาดผ่านประเทศไทยทั้งหมด 13 รอยเลื่อนนั้น นายสมิทธ กล่าวว่า ที่น่าห่วงที่สุดคือรอยเลื่อนในทะเลอันดามัน บริเวณเกาะสอง จังหวัดระนอง จังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดพังงา จังหวัดกระบี่ ซึ่งเป็นรอยเลื่อนขนาดใหญ่มีแนวยาวจากเกาะสุมาตราไปถึงประเทศพม่า และจากเกาะนิโคบาร์ขึ้นเหนือไปถึงชายแดนพม่า ซึ่งมีพลังมาก

          ทั้งนี้ เมื่อถามว่าประเทศไทยจะมีโอกาสเจอคลื่นสึนามิอีกหรือไม่ นายสมิทธ ระบุว่า นัก วิจัยด้านแผ่นดินชาวไอร์แลนด์เคยทำวิจัยและพบว่า มีโอกาสที่จะเกิดคลื่นยักษ์ที่เป็นผลมาจากแผ่นดินไหวใหญ่บริเวณชายฝั่งเกาะ สุมาตราในอนาคตอันใกล้นี้ และส่งผลกระทบถึงกรุงเทพมหานครอย่างแน่นอน โดยคาดการณ์ไว้ว่าความเสียหายน่าจะรุนแรงเทียบเท่าเหตุการณ์แผ่นดินไหว ประเทศเฮติ เพราะเป็นชั้นดินอ่อน และพื้นดินชั้นล่างสุดก็ยังเป็นดินเลน นอกจากนี้ เหตุการณ์แผ่นดินไหวชิลีเมื่อไม่นานมานี้ ยังทำให้แผ่นเปลือกโลกใหญ่แปซิฟิกเคลื่อนตัวมาทางตะวันออก ส่งผลกระทบตอรอยเลื่อนระหว่างแผ่นเปลือกโลกยูเรเซียนด้วย ยิ่งทำให้อัตราการไหวเพิ่มขึ้นถึง 80-90 เปอร์เซ็นต์

บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #2 เมื่อ: เมษายน 17, 2012, 08:25:13 PM »

สหรัฐคว้าเก้าอี้ประธานธนาคารโลกคนใหม่


วันนี้ (17 เม.ย.) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ประเทศสหรัฐอเมริกา ว่า ผลการประชุมของสมาชิก 25 คน คณะกรรมการบริหารธนาคารโลก ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อวันจันทร์ เพื่อสรรหาบุคคลดำรงตำแหน่งประธานธนาคารโลกคนใหม่ ต่อจากนายโรเบิร์ต เซลลิก ที่ประกาศไม่แข่งขันต่อ หลังวาระ 5 ปีสิ้นสุดลงในเดือน มิ.ย. นี้ ปรากฏว่า ที่ประชุมมีมติเลือกนายจิม ยอง คิม ชาวอเมริกันเชื้อสายเกาหลีวัย 52 ปี อดีตนายแพทย์ และประธานสภามหาวิทยาลัยดาร์ทเมาท์ ในรัฐนิวแฮมเชียร์ ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าแข่งขัน จากประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐ เมื่อวันที่ 23 มี.ค. ที่ผ่านมา โดยคิมเอาชนะคู่แข่งที่มีเพียงคนเดียว คือนายเอ็นโกซี โอคอนโจ-อิเวียลา รัฐมนตรีคลังไนจีเรีย หลังการถอนตัวของคู่แข่งขันรายที่ 3 คือ นายโฮเซ่ อันโตนิโอ โอคัมโป  นักเศรษฐศาสตร์ชาวโคลอมเบีย เมื่อวันศุกร์
 

ทั้งนี้ จากข้อตกลงอย่างไม่เป็นทางการ ธนาคารโลกองค์กรสมาชิก 187 ประเทศ ผู้ดำรงตำแหน่งประธานที่ผ่านมาทั้ง 11 คน ล้วนแต่เป็นชาวอเมริกัน ส่วนกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ผู้อำนวยการทั้ง 11 คนรวมถึงคนปัจจุบัน ล้วนแต่เป็นชาวยุโรป แต่คิมจะกลายเป็นประธานธนาคารโลกคนแรก ที่มาจากสาชาอาชีพการแพทย์ เนื่องจาก 11 คนก่อนหน้านี้เป็นนักการเมือง นักกฎหมาย และนักเศรษฐศาสตร์.


thanks
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #3 เมื่อ: เมษายน 18, 2012, 08:26:59 PM »

จี้รัฐจัดวัคซีนป้องHPV สกัดหญิงป่วยมะเร็งปากมดลูก


น.พ.จรุง เมืองชนะ ผอ.สำนักงานคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ

กล่าวถึงกรณีที่กระทรวงสาธารณสุขจะนำเสนอโครงการให้รัฐบาลเห็นชอบในการจัดหาวัคซีนมะเร็งปากมดลูกว่า ขั้นตอนในการพิจารณาว่าจะใช้วัคซีนตัวใดนั้นระดับสากลจะดูเรื่องความคุ้มค่า คุ้มทุน โดยพิจารณาปัจจัยหลายด้านประกอบกัน เช่น สถานการณ์ ขนาดของปัญหา ประสิทธิภาพวัคซีน คุณภาพวัคซีน ราคา เป็นต้น ขณะนี้พบว่า สถานการณ์ปัญหาของไทยในการเกิดมะเร็งปากมดลูกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง พบผู้ป่วย 1 หมื่นรายต่อปี ส่วนเรื่องของประสิทธิภาพของวัคซีน พบว่าวัคซีนดังกล่าวป้องกันไวรัส HPV ชนิดที่พบบ่อยว่าเป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็ง ได้ประมาณร้อยละ 70-80 ซึ่งในแง่การป้องกันถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี


น.พ.จรุงกล่าวต่อว่า ประเด็นสำคัญที่อาจเป็นปัญหาในการจัดหาวัคซีนมะเร็งปากมดลูกให้กับประชาชน คือ

เรื่องราคา ซึ่งการคำนวณเรื่องความคุ้มทุนสามารถคิดได้หลายแบบ เนื่องจากการเจ็บป่วยเป็นเรื่องของชีวิตคน จะตีเป็นราคายาก ในระดับสากลการคำนวณจึงต้องคิดความคุ้มทุน 3 เท่าของรายได้ประชากร โดยคำนวณราคารวมค่าวัคซีน ค่าขนส่ง ค่าจัดบริการ ค่าเจ้าหน้าที่ เปรียบเทียบกับค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล ซึ่งการคำนวณความคุ้มทุนจะนำค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นทั้งหมด จากสองด้านมาเปรียบเทียบกัน หากรัฐจัดหาวัคซีนได้ในราคา 400-500 บาท ก็ยังถือว่าคุ้มทุน แต่หากต่อรองราคาได้ต่ำกว่านั้นก็จะจัดหาวัคซีนให้กับประชาชนได้มากขึ้น

 
 
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
 
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #4 เมื่อ: เมษายน 19, 2012, 07:59:47 PM »

เผย 15 รอยเลื่อนมีพลังในไทย ที่อาจทำให้เกิดแผ่นดินไหว





ขอขอบคุณภาพประกอบจาก กรมทรัพยากรธรณี
 
          ในช่วงเดือนเมษายนนี้ มีข่าวภัยพิบัติเกี่ยวกับแผ่นดินไหวเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะแผ่นดินไหวที่เกิดในจังหวัดภูเก็ต ที่เกิดอาฟเตอร์ช็อกอยู่หลายครั้ง และถึงแม้ว่าแผ่นดินไหวดังกล่าวจะไม่รุนแรง คือมีขนาดไม่เกิน 6 ริกเตอร์ ไม่ได้สร้างความเสียหายแก่ชีวิต หรือเกิดสึนามิ แต่ข่าวแผ่นดินไหวก็สร้างความสนใจของประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะประเด็นที่ว่า เมื่อเกิดแผ่นดินไหวแล้ว จะเกิดสึนามิตามมาหรือไม่ เขื่อนจะพังหรือไม่ และในประเทศไทยจะมีที่ไหนเกิดแผ่นดินไหวอีก

          อย่างไรก็ตาม แหล่งกำเนิดของแผ่นดินไหวนั้นมาจากรอยเลื่อนที่มีพลัง ซึ่งรอยเลื่อนมีพลังในประเทศไทย เคยเกิดขึ้นแล้ว 9 แห่งด้วยกัน และจากการรายงานของกรมทรัพยากรธรณีวิทยา ซึ่งได้รวบรวมข้อมูลกลุ่มรอยเลื่อนล่าสุดเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา พบว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีรอยเลื่อนที่มีพลังทั้งหมด 14 รอยเลื่อน  โดยกระจายอยู่ใน 22 จังหวัด  ได้แก่

          1. รอยเลื่อนแม่จัน พาดผ่านอำเภอฝาง อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ อำเภอแม่จัน อำเภอเชียงแสน และอำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ในแนวทิศตะวันออกเฉียงเหนือ-ตะวันตกเฉียงใต้ มีความยาวประมาณ 101 กิโลเมตร

          2. รอยเลื่อนแม่อิง พาดผ่านอำเภอเทิง อำเภอขุนตาล และอำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย  ในแนวทิศตะวันออกเฉียงเหนือ-ตะวันตกเฉียงใต้ มีความยาวประมาณ 57 กิโลเมตร       

          3. รอยเลื่อนแม่ฮ่องสอน พาดผ่านอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน จังหวัดแม่ฮ่องสอน ในแนวทิศเหนือ-ใต้ มีความยาวประมาณ 29 กิโลเมตร

          4. รอยเลื่อนเมย-อุทัยธานี วางตัวในแนวตะวันตกเฉียงเหนือ พาดผ่านตั้งต้นจากลำน้ำเมย ชายแดนพม่า ต่อไปยังห้วยแม่ท้อ ลำน้ำปิง จังหวัดตาก ไปถึงจังหวัดกำแพงเพชร นครสวรรค์ และสิ้นสุดที่จังหวัดอุทัยธานี ในแนวทิศตะวันตกเฉียงเหนือ มีความยาวประมาณ 250 กิโลเมตร             

          5. รอยเลื่อนแม่ทา พาดผ่านอำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน และอำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ ในแนวโค้งไปทางทิศตะวันออก มีความยาวประมาณ 61 กิโลเมตร         

          6. รอยเลื่อนเถิน พาดผ่านอำเภอแม่พริก อำเภอเถิน จังหวัดลำปาง และอำเภอวังชิ้น จังหวัดแพร่ ในแนวโค้งในไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ มีความยาวประมาณ 103 กิโลเมตร

          7. รอยเลื่อนพะเยา พาดผ่านอำเภองาว จังหวัดลำปาง และอำเภอเมือง จังหวัดพะเยา ในแนวทิศตะวันตกเฉียงเหนือ-ตะวันออกเฉียงใต้ ทางด้านทิศเหนือของรอยเลื่อนท่าสี มีความยาวประมาณ 23 กิโลเมตร

          8. รอยเลื่อนปัว พาดผ่านพื้นที่อำเภอสันติสุข อำเภอท่าวังผา อำเภอปัว อำเภอเชียงกลาง และอำเภอทุ่งช้าง ของจังหวัดน่านในแนวเหนือ-ใต้  ด้วยความยาวประมาณ  130 กิโลเมตร   

          9. รอยเลื่อนอุตรดิตถ์ พาดผ่านอำเภอเมือง อำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ อำเภอนาหมื่น อำเภอนาน้อย อำเภอเวียงสา และอำเภอแม่จริม จังหวัดน่าน ในแนวทิศตะวันออกเฉียงเหนือ-ตะวันตกเฉียงใต้ มีความยาวประมาณ  150 กิโลเมตร

          10. รอยเลื่อนเจดีย์สามองค์ พาดผ่านอำเภอทองผาภูมิ และอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ในแนวทิศตะวันตกเฉียงเหนือ-ตะวันออกเฉียงใต้ มีความยาวประมาณ 60 กิโลเมตร

          11. รอยเลื่อนศรีสวัสดิ์ พาดผ่านอำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี อำเภอศรีสวัสดิ์ และอำเภอหนองปรือ จังหวัดกาญจนบุรี ในแนวโค้งเล็กน้อยไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ มีความยาวประมาณ 62 กิโลเมตร

          12. รอยเลื่อนเพชรบูรณ์ พาดผ่านอำเภอหนองไผ่ อำเภอเมือง อำเภอหล่มสัก และอำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ ประกอบด้วยรอยเลื่อนบริวารในแนวทิศตะวันออกเฉียงเหนือ-ตะวันตกเฉียงใต้ กับแนวทิศตะวันตกเฉียงเหนือ-ตะวันออกเฉียงใต้สลับกัน มีความยาวประมาณ 110 กิโลเมตร

          13. รอยเลื่อนระนอง พาดผ่านพื้นที่ตั้งแต่ จังหวัดระนอง ชุมพร ประจวบ คีรีขันธ์ และพังงา  มีความยาวประมาณ 270 กิโลเมตร     

          14. รอยเลื่อนคลองมะรุ่ย พาดผ่านอำเภอบ้านตาขุน อำเภอพนม จังหวัดสุราษฎร์ธานี อำเภอทับปุด อำเภอเมือง จังหวัดพังงา พาดผ่านไปตามทะเลอันดามัน ระหว่างอำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต กับอำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา ในแนวทิศตะวันออกเฉียงเหนือ-ตะวันตกเฉียงใต้ มีความยาวประมาณ 148 กิโลเมตร

          นอกจาก 14 รอยเลื่อนที่กรมทัพยากรธรณีได้ประกาศออกมาอย่างเป็นทางการแล้ว สำนักข่าวบางแห่งยังเผยว่า รอยเลื่อนมะยม ก็เป็นอีกหนึ่งรอยเลื่อนที่มีพลัง โดยรอยเลื่อนดังกล่าว จะพาดผ่านอำเภอสอง จังหวัดแพร่ และอำเภอเชียงม่วน จังหวัดพะเยา ในแนวทิศตะวันออกเฉียงเหนือ-ตะวันตกเฉียงใต้ มีความยาวประมาณ 22 กิโลเมตร ดังนั้น ทุกภาคส่วนจึงควรติดตามสถานการณ์ความเคลื่อนไหวของทั้ง 15 รอยเลื่อนดังกล่าวอย่างใกล้ชิด

          อย่างไรก็ตาม รอยเลื่อนที่ต้องจับตา และเฝ้าระวังมากที่สุดในขณะนี้ คือ รอยเลื่อนระนอง และรอยเลื่อนคลองมะรุ่ย ซึ่งถือเป็นรอยเลื่อนที่มีพลังรุนแรง และอาจส่งผลกระทบกับภาคใต้ในหลายจังหวัด อาทิ จังหวัดชุมพร ระนอง และสุราษฎร์ธานี   


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก

 - การตรวจสอบรอยเลื่อนมีพลังในประเทศไทย

- รอยเลื่อนแม่จัน...ยังหายใจ

- ตามล่าหารอยเลื่อน: หลักฐานรอยเลื่อนมีพลัง


บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #5 เมื่อ: เมษายน 19, 2012, 08:13:54 PM »

ข้อคิดจากคุณปู่ญี่ปุ่น ใช้ชีวิตโป๊เปลือยบนเกาะตามลำพัง





ขอขอบคุณภาพประกอบจาก vashtie.com


          คนเราเมื่อแก่ตัวลง ก็มักจะเลือกใช้ชีวิตบั้นปลายที่แตกต่างกันไป บางคนก็มีความสุขอยู่บนกองเงินกองทองที่ตัวเองได้สะสมมาทั้งชีวิต บางคนก็หันหน้าเข้าวัดหาความสงบในจิตใจ ขณะที่บางคนก็มีความสุขอยู่กับลูกหลาน แต่สำหรับคุณปู่ชาวญี่ปุ่นที่เรานำเรื่องราวมาฝากกันวันนี้ เห็นจะเป็นกรณีที่แปลกหน่อย เพราะเขาเลือกที่จะไปใช้ชีวิตตัวคนเดียวบนเกาะกลางทะเล นอนกลางดิน กินกลางทราย เปลือยกายอยู่กับธรรมชาติ ด้วยเหตุผลดี ๆ ที่ว่า เราไม่สามารถเอาชนะธรรมชาติได้ ดังนั้นก็จงใช้ชีวิตตามธรรมชาติดีกว่า



คุณปู่คนนี้มีนามว่า มาซาฟุมิ นางาซากิ วัย 76 ปี ในอดีตเคยเป็นพนักงานด้านธุรกิจอุตสาหกรรมบันเทิงในญี่ปุ่น แต่เมื่อชีวิตได้ล่วงเลยมาถึงวัยเกษียณ คุณปู่กลับไม่เลือกที่จะอยู่กับลูกหลาน หรือพักผ่อนอย่างสุขสบายในบั้นปลายชีวิตเหมือนที่คนอื่นทำกัน แต่กลับออกเดินทางมุ่งหน้าสู่เกาะโซโตบานาริ เกาะเล็ก ๆ แสนสงบที่กว้างราว 1 กิโลเมตรซึ่งไม่มีนักท่องเที่ยวสัญจรไปมา จากนั้นคุณปู่ก็ถอดเสื้อผ้าอาภรณ์ทุกชิ้นออก แล้วใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายแต่สงบสุขอยู่บนเกาะเพียงลำพัง โดยสร้างเต็นท์เล็ก ๆ ไว้เป็นที่พักอาศัยหลบแดดฝนและแมลงที่ออกมารบกวนยามค่ำคืน

ส่วนเรื่องอาหารการกินของคุณปู่นั้น ก็ได้มาจากการออกเรือเดินทางไปยังเกาะที่อยู่ใกล้เคียงสัปดาห์ละครั้ง เพื่อซื้อน้ำดื่มและโมจิไปเป็นเสบียงสำหรับการใช้ชีวิตบนเกาะ โดยคุณปู่จะกินแต่โมจิวันละ 4-5 มื้อต่อวัน ขณะที่การชำระล้างร่างกายนั้น คุณปู่ก็ใช้วิธีการอาบน้ำฝน และรองน้ำฝนไว้ใช้ในยามจำเป็น


 

สำหรับการเลือกใช้ชีวิตอย่างปลีกวิเวกกับธรรมชาติแบบนี้ คุณปู่ได้เปิดเผยว่า "ผมไม่ทำในสิ่งที่สังคมบอกให้ทำ แต่ผมทำตามกฎของธรรมชาติ คนเราไม่สามารถเอาชนะธรรมชาติได้หรอก ดังนั้นจงทำตามมันซะ นั่นคือสิ่งที่ผมได้เรียนรู้เมื่อมาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ ซึ่งเป็นเวลาเกือบ 20 ปีแล้ว และการเดินเปลือยกายโทง ๆ แบบนี้ เป็นเรื่องไม่ปกติในสังคม แต่บนเกาะแห่งนี้ ผมรู้สึกว่าผมทำได้ มันเป็นเหมือนเครื่องแบบตามธรรมชาติ ถ้าหากใครสวมใส่เสื้อผ้า พวกเขาจะรู้สึกเลยว่าพวกเขาแปลกแยกจากที่นี่"


          ส่วนเรื่องสุขภาพของคุณปู่นั้น คุณปู่เปิดเผยว่า เขารู้ดีว่าการใช้ชีวิตแบบนี้ไม่ได้ดีต่อสุขภาพมากนัก แต่นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญเลย มันสำคัญที่ว่าเขาเลือกที่จะใช้ชีวิตอยู่บนเกาะแห่งนี้แล้ว จะตายก็ตายบนเกาะแห่งนี้นั่นแหละ โดยคุณปู่ได้กล่าวว่า "การหาที่ที่เราจะใช้ชีวิตจนลมหายใจสุดท้ายเป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องทำนะ ยังไงคนเราก็ต้องตายอยู่แล้ว อยู่ที่ว่าจะตายที่ไหน ที่โรงพยาบาล หรือที่บ้านที่มีครอบครัวอยู่พร้อมหน้า แต่ผมเลือกจะตายในที่ที่โอบล้อมไปด้วยธรรมชาติ และผมก็ได้อยู่ที่นี่แล้ว ตายเมื่อไรก็เมื่อนั้น ผมไม่พยายามฝืนธรรมชาติ เพราะอย่างที่บอก คนเราไม่อาจเอาชนะธรรมชาติได้หรอก"




         ทั้งนี้ แม้ว่าความคิดของคุณปู่นางาซากิ จะดูแปลกแยกไปจากผู้สูงอายุหลาย ๆ คนที่ใฝ่ฝันถึงความสบายบนความร่ำรวยและการดูแลของลูกหลาน แต่มันจะสำคัญอะไรเล่า? ถ้าหากบั้นปลายชีวิตของคุณปู่ เขาได้เลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับชีวิต ได้อยู่ในที่ที่มีความสุขที่สุด และได้ปลดปล่อยตัวเองออกจากพันธนาการต่าง ๆ แล้ว ซ้ำยังไม่เบียดเบียนใครอีก นั่นก็เพียงพอสำหรับการมีชีวิตอย่างมีความหมายบนโลกใบนี้แล้วมิใช่หรือ?


          บางที.. เรื่องราวของคุณปู่เรื่องนี้ อาจทำให้เราทุกคนต้องย้อนกลับมาถามตัวเองอีกครั้งว่า ชีวิตที่มีความสุขอย่างแท้จริงนั้น คือชีวิตสุขสบายที่กำหนดโดยค่านิยมของสังคม หรือชีวิตสุขสบายที่กำหนดด้วยใจของเรากันแน่? และนั่นอาจเป็นคำถามสำคัญของชีวิตที่เราต้องเก็บไว้.. เพื่อตอบตัวเอง


บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #6 เมื่อ: พฤษภาคม 03, 2012, 07:11:32 PM »

วิจัย'เห็ด'ทางการแพทย์ ช่วยต้านมะเร็ง-รักษาตับ-ไต 



คนส่วนใหญ่อาจจะคุ้นเคยกับ 'เห็ด' ในแง่ของการเป็นอาหารจานอร่อย แต่ในทาง การแพทย์ เห็ดยังเป็นสิ่งใหม่ที่คนไทยจะต้องเรียนรู้

รศ.ดร.สุรพจน์ วงศ์ใหญ่ คณะการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต บอกว่า ผลการวิจัยระบุถึงประสิทธิภาพของเห็ดทางการแพทย์ในประเทศญี่ปุ่น จีน และเกาหลีจำนวนมาก ส่งผลให้เห็ดทางการแพทย์มีการใช้เพื่อส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันและรักษาโรคมากยิ่งขึ้น เห็ดทางการแพทย์ (Medicinal Mushrooms) เป็นเห็ดที่นอกจากจะให้คุณค่าทางโภชนาการแล้ว ยังมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายและปลอดภัย เช่น เบต้า กลูแคน โพลีแซ็กคาไรด์ ไกลโคโปรตีน เลกติน และเทอร์ปีนอยด์ 3 ซึ่งกลุ่มของสารประกอบที่สกัดได้จากเห็ดทางการแพทย์ เชื่อว่าให้ผลในการรักษาโรคได้หลายกลุ่มอาการ ได้แก่ หอบหืดที่เกิดจากภูมิแพ้ โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง การอักเสบต่างๆ ในร่างกาย โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคผนังหลอดเลือดแข็งตัว ระดับน้ำตาลในเลือดสูง การติดเชื้อ ระบบภูมิคุ้ม กันทำงานบกพร่อง เป็นต้น

นักวิทยาศาสตร์ศึกษาค้นคว้าพบว่า สารประกอบในกลุ่มโพลีแซ็กคาไรด์ที่สกัดได้จากเห็ด มีส่วนช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพในการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ซึ่งโดยทั่วไประบบภูมิคุ้มกันมีกลไกการทำงานที่ซับซ้อนและเกี่ยวเนื่องกับสารเคมีหลายชนิด รวมทั้งเซลล์เม็ดเลือดขาว ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำหน้าที่หลักในระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งสารที่มีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา มีการยืนยันด้วยรายงานการศึกษาทางวิชาการ วารสารเห็ดทางการแพทย์นานาชาติว่ามีส่วนช่วยกระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาว เพื่อปรับสมดุลการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันให้มีประสิทธิภาพที่เหมาะสมกับการต่อต้านเชื้อโรคและเซลล์มะเร็ง เปรียบได้กับการ 'ยกระดับภูมิคุ้มกัน' ให้กับร่างกาย และนอกจากนี้ยังมีบางชนิดที่มีประวัติการใช้ในศาสตร์การแพทย์แผนจีนในการบำรุงตับและรักษาโรคตับอักเสบและโรคตับแข็งด้วย

เห็ดทางการแพทย์หลายชนิดจึงพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ส่งเสริมเสริมสุขภาพและใช้เป็นตัวยาในการรักษาโรค ได้แก่ เห็ดยามาบูชิตาเกะ เห็ดไมตาเกะ เห็ดหลินจือ เห็ดชิตาเกะ ถั่งเฉ้า เห็ดแครง เป็นต้น การใช้ในรูบแบบของผลิตภัณฑ์สกัดเข้มข้นจะช่วยให้ได้รับปริมาณของสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพที่มากกว่าการกินจากเห็ดสดหรือการเตรียมเอง

นักวิทยาศาสตร์จีน พบว่าสารสกัดจากเห็ดยามาบูชิตาเกะช่วยกระตุ้นและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของเม็ดเลือดขาวชนิด B และ T ลิมโฟไซต์ นอกจากนี้ยังส่งผลต่อการเพิ่มระดับของเซลล์ CD4 และเม็ดเลือดขาวชนิดแม็กโครฟาจซึ่งช่วยในการจับกินเชื้อโรค และพบว่าสารโพลีิแซ็กคาไรด์ที่สกัดได้จากเห็ดยามาบูชิตาเกะ มีส่วนช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้อย่างมีนัยสำคัญ


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #7 เมื่อ: พฤษภาคม 03, 2012, 08:48:05 PM »

รอชม ‘ซุปเปอร์มูน’ พระจันทร์ใกล้โลกมากสุดในรอบปี 5 พ.ค.นี้


ภาพจาก : Shutterstock.com

ปรากฏการณ์ พระจันทร์เคลื่อนตัวเข้าใกล้โลกมากที่สุดในรอบปี หรือ ซุปเปอร์มูน จะเกิดขึ้นในวันเสาร์ที่ 5 พ.ค.นี้ ตามเวลาอเมริกาเหนือ…

สำนัก ข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 3 พ.ค. ว่า นักดาราศาสตร์และนักดูดาวทั่วโลก ต่างเฝ้ารอชมการเกิดปรากฏการณ์ พระจันทร์เคลื่อนตัวเข้าใกล้โลกมากที่สุดในรอบปี จนเห็นพระจันทร์มีขนาดใหญ่โตกว่าปกติ หรือที่เรียกว่า ‘ซุปเปอร์มูน’ ในปรากฏการณ์ดังกล่าว จะเกิดขึ้นในวันเสาร์ที่ 5 พ.ค. เวลาประมาณ 23:35 น. ตามเวลาซีกตะวันออกของทวีปอเมริกาเหนือ ซึ่งช้ากว่าเวลาบ้านเราประมาณ 11 ชั่วโมง

ข้อมูลของนายโจ ราโอ นักอุตุนิยมวิทยา และคอลัมนิสต์ของเว็บไซต์ space.com ระบุว่า ปีนี้พระจันทร์จะเคลื่อนตัวเข้าใกล้โลกจนอยู่ห่างเพียง 356,955 กม. เท่านั้น นับเป็นปีที่พระจันทร์เคลื่อนที่เข้าใกล้โลกมากที่สุดในรอบหลายปี นอกจากนี้ ปรากฏการณ์ซุปเปอร์มูนในปีนี้ ยังมีความพิเศษอีกอย่างหนึ่งคือ ดวงจันทร์จะเคลื่อนตัวเข้าใกล้โลก ในช่วงใกล้กับวันพระจันทร์เต็มดวงพอดี ทำให้พระจันทร์ส่องสว่างกว่าปกติราว 16 เปอร์เซ็นต์จากค่าเฉลี่ย

ทั้ง นี้ มีหลายคนกังวลว่า ปรากฏการณ์นี้จะส่งผลให้เกิดหายนะกับโลกหรือไม่ แต่ผู้เชี่ยวชาญก็ออกมายืนยันว่า ปรากฏการณ์นี้จะไม่เป็นสาเหตุของการเกิดแผ่นดินไหว หรือคลื่นยักษ์ใดๆ แน่นอน อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ระยะห่างของพระจันทร์กับโลกจะทำให้คลื่นทะลบนโลกสูงขึ้นหรือต่ำลงได้ โดยในช่วงที่ดวงจันทร์อยู่ใกล้โลกที่สุด คลื่นจะแรงกว่าช่วงที่พระจันทร์อยู่ห่างจากโลกมาที่สุด ซึ่งจะเกิดในอีก 2 สัปดาห์จากนี้ ประมาณ 42 เปอร์เซ็นต์

อนึ่ง ข่าวระบุว่า ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด ในการชมปรากฎการณ์ซุปเปอร์มูนคือ หลังจากดวงจันทร์ขึ้น หรือกำลังจะลับขอบฟ้า โดยมองอยู่หลังต้นไม้หรือสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งจะทำให้เกิดภาพลวงตาและดวงจันทร์จะดูใหญ่กว่าที่เป็น
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #8 เมื่อ: พฤษภาคม 20, 2012, 08:11:40 PM »

 
โคตรเพชรราชินีฝรั่งเศส 34.98 กะรัต ถูกประมูลทะลุ 300 ล้าน  




"โบ ซองซี" หนึ่งในเพชรเม็ดที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงที่สุดในโลก

ถูกประมูลออกไปได้ในราคาถึง 9.7 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 300.7 ล้านบาท) ที่การประมูลโดยสถาบันโซเธอบีส์ ณ นครเจนิวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ หรือมีราคาสูงกว่าราคาจองถึง 2 เท่า



เพชร"โบ ซองซี" ซึ่งมีขนาด 34.98 กะรัต มีรูปทรงคล้ายลูกแพร์ เคยถูกสวมใส่โดยราชินีมารี เดอ เมดิซี ของฝรั่งเศส ในพิธีสวมมงกุฏขึ้นเป็น Queen Consort of Henry IV เมื่อปี 1610 หลังจากนั้นมันจึงถูกส่งผ่านกันเป็นทอดๆในหมู่ยุโรป อาทิ ฝรั่งเศส, อังกฤษ, ปรัสเซีย และเนเธอร์แลนด์ เพื่ออวดความมั่งคั่งของตน และเพื่อใช้จ่ายหนี้สิน ถูกประมูลโดยนักซื้อที่ไม่ระบุตัวตน


โดยหลังจากที่มันถูกสวมใส่โดยราชินีมารี เดอ เมดิซีแล้ว เพชรดังกล่าวถูกจำนำโดยแมรี สจ็วร์ต เพื่อนำเงินไปใช้สนับสนุนการทำสงครามของน้องชายของเธอ ซึ่งอนาคตก็คือกษัตริย์ชาร์ลส ที่ 3 ของอังกฤษ ในช่วงสงครามกลางเมืองอังกฤษ ต่อมามันจึงถูกนำไปประดับบนยอดมงกุฏของกษัตริย์องค์แรกแห่งปรัสเซีย และถูกขายต่อโดยสำนักพระราชวังปรัสเซีย


อย่างไรก็ดี ยังคงไม่มีใครทราบว่าผู้ประมูลนิรนามดังกล่าวคือใคร และเป็นไปได้ทั้งสมาชิกและบุคคลสามัญ



บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #9 เมื่อ: กรกฎาคม 04, 2012, 09:10:29 AM »





Headline News
 
 
 
โรงกลั่นน้ำมันบางจากสุขุมวิท 64 ระเบิด! ไฟลุกท่วมสูง 

โรงกลั่นน้ำมันบางจาก สุขุมวิท 64 ระเบิด ไฟลุกท่วมสูง ชาวบ้านอพยพอลหม่าน เจ้าหน้าที่ยันสถานการณ์ไม่น่าห่วง เพราะไม่ได้เกิดเหตุที่คลังน้ำมัน แต่เป็นบริเวณท่อ เมื่อน้ำมันที่ค้างอยู่เผาไหม้หมด สถานการณ์ก็จะปกติ

 
 
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #10 เมื่อ: กรกฎาคม 04, 2012, 09:18:35 AM »



กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศประจำวันพุธที่ 4 กรกฎาคม 2555 ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น. ร่องมรสุมกำลังปานกลางพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย
       
        ลักษณะเช่นนี้ทำให้ทั่วทุกภาคของประเทศไทยมีฝนตกชุกหนาแน่น และมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย ที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน บริเวณจังหวัดเชียงราย น่าน อุตรดิตถ์ ตาก หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี จันทบุรี ตราด ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากได้ ในระยะ 1-2 วันนี้
       
        พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.
       
        ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดเชียงราย น่าน อุตรดิตถ์ ตาก พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
       
        ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดหนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
       
        ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ลพบุรี และสระบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
       
        ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดจันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร
       
        ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฏร์ธานี และนครศรีธรรมราช อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร
       
        ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ บริเวณจังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 21-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-31 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร
       
        กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #11 เมื่อ: กันยายน 01, 2012, 08:18:43 PM »

สุดทึ่ง ลมน้ำพุกลางทะเลพุ่งสูงเป็นกรวย ปรากฎนอกทะเลสาบจีน (ชมภาพ)


สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 30 ส.ค.ว่า เกิดเหตุชวนทึ่ง เมื่อเกิดลมน้ำพุกลางทะเล นอกทะเลสาบฮงซี ในมณฑลเจียงซือ ของจีน ซึ่งเป็นอิทธิพลของธรรมชาติ และถูกบันทึกช่างภาพผู้บันทึกภาพดังกล่าว โดยน้ำพุดังกล่าวเกิดขึ้นเป็นเวลา 25 นาที

รายงานระบุว่า ลมน้ำพุกลางทะเล มักเกิดขึ้นจากการก่อตัวของทอร์นาโดนอกทะเล มันมีระดับความแรงอ่อนกว่าทอร์นาโด้โดยทั่วไป และสามารถหมุนเคลื่อนที่ได้เร็วกว่า 80 ไมล์ต่อชม. และอาจกวาดพื้นที่ชายฝั่ง ก่อให้เกิดความเสียหายแก่บ้านเรือนรอบข้าง เรือ เครื่องบินที่บินต่ำ และนักว่ายน้ำ นอกจากนี้ ยังสามารถพัดสิ่งประหลาดให้ลอยได้ เช่น เคยเกิดเหตุลมน้ำพุกลางน้ำทะเลหอบสัตว์เลื้อยคลานอยู่เหนือทะเล และไปตกที่รัฐมอนทรีออลมาแล้ว ขณะที่ลมน้ำพุกลางทะเลที่เรียกว่า"Water twisters"อาจเกิดขึ้นนานกว่าครึ่งชม.และเป็นอันตรายต่อเรือและเครื่องบิน รวมทั้งปะการังในทะเลด้วย






บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #12 เมื่อ: กันยายน 14, 2012, 08:25:02 PM »

ตะลึง “เจ้าเซอุส” หมาสูงที่สุดในโลก2.2 เมตร



“เซอุส” สุนัขพันธุ์เกรทเดนเพศผู้ อายุ 3ปี ที่เมื่อยืนด้วยขาหลัง 2 ข้างแล้วมีความสูงถึง 2.2 เมตร ได้รับการบันทึกลงหนังสือกินเนส ให้เป็นสุนัขที่สูงที่สุดในโลก


วันนี้ ( 13 ก.ย. ) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษว่า “เซอุส” สุนัขพันธุ์เกรท เดนเพศผู้ ที่เมื่อยืนด้วยขาหลัง 2 ข้างแล้วมีความสูงถึง 2.2 เมตร ได้รับการบันทึกลงหนังสือกินเนส เมื่อวันพุธ ให้เป็นสุนัขที่สูงที่สุดในโลก


สถิติจากหนังสือกินเนส ฉบับปีที่ 57 ระบุว่า สุนัขเกรท เดนตัวดังกล่าว อายุ 3 ปี อาศัยอยู่ที่รัฐมิชิแกน ในสหรัฐ มีน้ำหนัก 70.3 กิโลกรัม วัดความสูงจากอุ้งเท้าถึงโหนกคอได้ 1.12 เมตร ( 44 นิ้ว ) และกินอาหารมากถึงวันละ 14 กิโลกรัม สามารถทำลายสถิติเดิมของ “ไจแอนท์ จอร์จ” สุนัขเกรท เดนแชมป์เก่า เพียง 1 นิ้ว


นอกจากนี้ หนังสือกินเนส ฉบับล่าสุด ยังทำการบันทึกว่า “โอกลาโฮมา แซม” ลาเพศเมียวัย 4 ปี เป็นลาที่สูงที่สุดในโลก ด้วยความสูงวัดจากกีบเท้าหลังถึงโหนกคอ 1.55 เมตร ( 5 ฟุต 1 นิ้ว )


หนังสือกินเนส ได้รับการตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี 2498 จนถึงปัจจุบันทำยอดขายไปแล้วกว่า 120 ล้านเล่มทั่วโลก ใน 100 ประเทศ และได้รับการแปลมากถึง 22 ภาษา

บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #13 เมื่อ: ตุลาคม 06, 2012, 08:26:35 PM »

เมื่อถึงวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 9 (ตามปฏิทินจีน) ของทุกปี เราจะเห็นธงสีเหลือง ๆ มีตัวอักษรจีนประดับอยู่ตามร้านอาหาร และที่ต่าง ๆ เป็นสัญลักษณ์บ่งบอกว่า...เริ่มเข้าสู่ เทศกาลกินเจแล้ว ซึ่ง เทศกาลกินเจ ปี 2555 เริ่มตั้งแต่วันที่ 15 - 23 ตุลาคม 2555 แต่บางคนอาจกินเจล่วงหน้า 1 วัน หรือที่เรียกว่า ล้างท้อง นั่นเอง



สำหรับนักเดินทางที่อยากออกไปสัมผัสกับกลิ่นอายหรือบรรยากาศประเพณีกินเจตามจังหวัดต่าง ๆ นั้น วันนี้เรามีที่จัดงานเทศกาล กินเจ 2555 จากทั่วประเทศไทย มาบอกกัน โดยเริ่มที่...

กินเจ 2555 เทศกาลงานเจ เยาวราช ประจำปี 2555

เขตสัมพันธวงศ์ จัดงาน เทศกาลงานเจ เยาวราช ประจำปี 2555 ชวนชาวไทยเชื้อสายจีนร่วมทานเจอย่างถูกประเพณี 10 วัน 9 คืน เพื่อสืบสานตำนานการกินเจอย่างถูกต้องตามหลักประเพณี โดยในปีนี้มีกำหนดจัดงานระหว่างวันที่ 15 - 23 ตุลาคม 2555 และมีขบวนแห่รถบุปผาชาติในวันพิธีเปิดงาน นอกจากนี้ ยังมีพิธีคัดเลือก องค์สมมติเจ้าแม่กวนอิม จากสาวพรหมจรรย์อีกด้วย

กินเจ 2555 ภูเก็ต ประเพณีถือศีลกินผัก จังหวัดภูเก็ต

จังหวัดภูเก็ต ขอเชิญร่วมงาน ประเพณีถือศีลกินผัก (กินเจ) ระหว่างวันที่ 15 - 23 ตุลาคม 2555 ไปอิ่มบุญ เสริมบารมี อยู่เย็นเป็นสุข ในช่วงงานประเพณี นอกจากจะได้ถือศีลกินผัก อิ่มบุญ และชมพิธีกรรมแห่พระ ลุยไฟ ไต่บันไดมีด และพิธีสะเดาะเคราะห์จากทุกศาลเจ้าทั่วเกาะภูเก็ตในแต่ละวันแล้ว ยังเสริมบารมีให้ตัวเองด้วยการทำบุญเขียนชื่ออักษรจีนบนเม็ดข้าวสารศักดิ์สิทธิ์จากศาลเจ้าปุดจ้อ (ศาลเจ้ากวนอิม จังหวัดภูเก็ต) ซึ่งถือว่าเป็นศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์อีกแห่งหนึ่งในจังหวัดภูเก็ต ที่ประชาชนชาวภูเก็ตให้ความเคารพนับถือกันมาก

ทั้งนี้ ประเพณีการกินผัก หรือที่ชาวภูเก็ตเรียกกันว่า เจี่ยะฉ่า นั้น เชื่อกันว่ามีต้นกำเนิดจากบ้านในทู หรือไล่ทู (เขตอำเภอกะทู้ ในปัจจุบัน) เนื่องจากในสมัยก่อนพื้นที่นี้เต็มไปด้วยกิจการเหมืองแร่ จึงทำให้มีชาวจีนอพยพหลั่งไหลมาอยู่อาศัย เกิดเป็นชุมชนชาวจีนขนาดใหญ่ขึ้น ปัจจุบันประเพณีกินผักถือเป็นจุดขายทางด้านการท่องเที่ยวที่สำคัญ และ อ๊าม (ชาวภูเก็ตนิยมเรียกกัน หมายความว่าศาลเจ้า) ที่สำคัญ ๆ ในจังหวัดภูเก็ตมีทั้งหมด 6 แห่ง คือ

- อ๊ามกระทู้ที่บ้านกระทู้ อำเภอกะทู้
- อ๊ามท่าเรือที่บ้านท่าเรือ อำเภอถลาง
- อ๊ามจุ้ยตุ่ยที่ถนนระนอง อำเภอเมืองภูเก็ต
- อ๊ามหล่อโรงที่ถนนพัฒนา อำเภอเมืองภูเก็ต
- อ๊ามบางเหนียวที่ถนนภูเก็ต อำเภอเมืองภูเก็ต
- อ๊ามสามกองที่ถนนเยาวราช อำเภอเมืองภูเก็ต

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ททท. สำนักงานภูเก็ต โทรศัพท์ 0 7621 2213

บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #14 เมื่อ: ตุลาคม 15, 2012, 10:49:37 AM »

สมเด็จพระนโรดม สีหนุ อดีตกษัตริย์กัมพูชา เสด็จสวรรคต


ข่าวต่างประเทศ RYT9.COM -- จันทร์ที่ 15 ตุลาคม 2555 08:50:42 น.

ดูรูปทั้งหมด
สมเด็จพระนโรดม สีหนุ อดีตพระมหากษัตริย์กัมพูชา เสด็จสวรรคตแล้ว ที่กรุงปักกิ่ง

สำนักข่าวซินหัวของจีน รายงานว่า "สมเด็จพระนโรดม สีหนุ" อดีตพระมหากษัตริย์และนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาเสด็จสวรรคตด้วยโรคชราขณะทรงมีพระชนมพรรษา 90 พรรษา ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน

นายนิก บันเจย รองนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา แถลงยืนยันว่า สมเด็จเจ้านโรดม สีหนุ ได้เสด็จสวรรคตแล้วอย่างสงบ เมื่อเวลา 02:00น. วันที่ 15 ตุลาคม และนี่ถือเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของกัมพูชา พวกเรารู้สึกเศร้ามาก พระองค์เป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ และเราเคารพรักท่านมาก

ทั้งนี้อดีตกษัตริย์นโรดม สีหนุ แห่งกัมพูชา ทรงเป็นที่เคารพรักของชาวกัมพูชาอย่างมาก ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ของราชอาณาจักรกัมพูชาตั้งแต่ปี 2484 ถึงปี 2498 และในปี 2536 ถึงปี 2547 จากนั้นทรงสละราชบัลลังก์แก่พระราชโอรส นโรดม สีหมุนี กษัตริย์องค์ปัจจุบันของกัมพูชา จากปัญหาพระพลานามัย นับเป็นกษัตริย์ที่ครองราชย์ยาวนานที่สุดพระองค์หนึ่งในภูมิภาคเอเชีย พระองค์เดินทางเยือนจีนอยู่เป็นประจำเพื่อรักษาพระอาการประชวร ก่อนหน้านี้ในเดือนมกราคม พระองค์ทรงแสดงความประสงค์จะประกอบพระราชพิธีศพด้วยการเผา และต้องการให้เก็บพระอัฐิไว้ในพระราชวัง

นายนิก บัน เจย กล่าวว่า พระบาทสมเด็จนาถนโรดม สีหมุนี พระมหากษัตริย์แห่งกัมพูชา เสด็จพระราชดำเนินไปยังกรุงปักกิ่ง ในเช้าวันนี้ เพื่อทรงรับพระศพพระวรราชบิดา กลับมายัง กรุงพนมเปญ

--อินโฟเควสท์ โดย สุดทีวัล สุขใส โทร.02-2535000 อีเมล์: sudteewan@infoquest.co.th--
บันทึกการเข้า

finghting!!!
Gold Price today, Gold Trend Price Prediction, ราคาทองคํา, วิเคราะห์ทิศทางทองคํา
   

images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary ---------------------Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. For more information on Moore Research products and services click here. --- http://www.mrci.com ---------- ---------------------------------------------รูปกราฟแสดงราคาทองในอดีตปี 1974-1999 ของ Moore Research Center, Inc. แสดงฤดูกาลที่ราคาทองขึ้นสูงสุดและตําสุด เอาแบบคร่าวๆ เส้นนําตาลหรือนําเงินก็ใกล้เคียงกัน เส้นนําตาลเฉลี่ย 15 ปี เส้นนําเงินเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุดของเส้นนําตาล หรือเฉลี่ย 15 ปี ในเดือน ปลายเดือน เมษ และปลายเดือน สค ต่อต้นเดือน กย[/color] สูงสุดในเดือน กพ กับ พย / ส่วนเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุด ต้น กค กับ ปลาย สค และราคาสูงสุดในเดือน กพ และ กลางเดือน ตค ----- แค่ดูคร่าวๆ เป็นแนวทาง อย่ายึดมั่นว่าจะต้องเป็นตามนี้ ข้างล่างเป็นกราฟราคานํามัน ตามฤดูกาล จาก Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary
 บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2   ขึ้นบน
พิมพ์
กระโดดไป: