ต่อไป »

[jainu]

มินิซีรี่ส์
 1. ทรัมป์ปฏิวัติ: ของจริง หรือสิ่งเทียม

นางแม่มด ฮิลลารี่ คลินตันยังคงในอาการช๊อค และฝันร้ายอยู่หลังจากพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีต่อโดนัลด์ ทรัมป์อย่างพลิกล็อคแบบถล่มทะลาย

แม้ว่าคะแนนความนิยมจากประชาชน นางแม่มดจะได้มากกว่าทรัมป์แค่คะแนนจากElectoral College เธอแพ้ทรัมป์อย่างหมดรูป สรุปแล้วฮิลลารี่ได้คะแนนความนิยม60,751,170เสียง หรือ47.56% เทียบกับทรัมป์ที่ได้60,175,470เสียง หรือ47.11% แต่คะแนนElectoral Collegeในรูปแบบการเลือกตั้งประธานาธิบดีทางอ้อมที่ผู้เลือกประธานาธิบดี (Presidential Electors) จะเป็นผู้ตัดสินในชั้นสุดท้าย ทรัมป์ได้306 ส่วนฮิลลารี่ได้232
https://en.wikipedia.org/…/United_States_presidential_elect…

แผนผังของคะแนนElectoral Collegeที่นำมาประกอบ ชี้ให้เห็นว่าชัยชนะของทรัมป์ในพื้นที่สีแดงสมบูรณ์แบบจริงๆ เพราะว่าทรัมป์ชนะฮิลลารี่ในเกือบทุกเคาท์ตี้ หรือหน่วยเลือกตั้งที่เล็กที่สุด ถือว่าเป็นปรากฎการณ์ทรัมป์ของคนวงจนอกที่สามารถเอาชนะคนวงในได้ ทรัมป์เป็นม้ามืดนอกสายตาของทุกคน แต่สามารถคว่ำตัวเต็งอย่างฮิลลารี่ที่ดูเหมือนว่าถูกจัดฉากให้เดินบนเส้นทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบเพื่อเข้าไปนั่งทำงานในทำเนียบขาว แต่บังเอิญสะดุดล้มที่ปากประตูก่อน ต้องหามส่งโรงพยาบาลโรคทรวงอก เพราะว่าอกหัก

แพ้อย่างนี้แล้วจะให้นางแม่มดจะโทษใครดี?

ทีมงานแคมเปญของฮิลลารี่ยอมรับในคืนวันนับคะแนนวันที่8 พฤศจิกายน 2016ว่า ที่แพ้เพราะว่าประเมินทรัมป์ต่ำไป ความประมาทเป็นหนทางของความฉิบหายจริงๆ

ตอนนี้มีความพยายามที่จะโทษนายJames Comey ผู้อำนวยการเอฟบีไอที่ออกมาประกาศเพียง11วันก่อนการเลือกตั้งว่า จะทำการสืบสวนอีเมล์และเชิร์ฟเวอร์ส่วนตัวของฮิลลารี่สมัยที่เธอดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอีกครั้งว่ามีมูลเหตุให้ดำเนินการฟ้องร้องคดีอาญาต่อแผ่นดินได้หรือไม่ แม้ว่าเอฟบีไอจะยกเลิกการสืบสวนเรื่องนี้ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา แต่กลับมาขอรื้อฟื้นคดีนี้อีกหลังจากพบอีเมล์650,000ชิ้นบนแล็บท๊อปของนายAnthony Weiner สามีของนางHuma Abedin สต๊าฟมือขวาของฮิลลารี่ที่เธอไว้ใจมากที่สุด นายComeyเป็นเด็กของตระกูลพุ่มไม้ โดยทำงานเป็นผู้ช่วยอัยการสูงสุดสมัยรัฐบาลบุช แต่ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้อำนวยการเอฟบีไอสมัยโอบามา

การเดินเกมของเอฟบีไอทำให้แคมเปญของฮิลลารี่ที่กำลังทำท่าจะฉลุยต้องเสียหลักอย่างกระทันหัน ภาพที่ออกมาในใจของคนอเมริกันที่จะออกเสียงเลือกตั้งคือ คนอย่างนี้หรือที่ทำผิดกฎหมาย แล้วลอยนวล โกหกเป็นประจำ และมีเรื่องคอรัปชั่นที่เป็นมลทินด่างพร้อยจะมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐ ยิ่งเอฟบีไอตัดสนใจว่าจะยกเลิกการสอบสวนอีเมล์ของเธอในวันที่6พฤศจิกายน หรือ2วันก่อนการเลือกตั้ง ด้วยเหตุผลทางการเมืองที่อาจจะโดนขู่ฆ่า ยิ่งสร้างความรู้สึกของคนอเมริกันว่า ฮิลลารี่กำลังทำตัวอยู่เหนือกฎหมาย แม้วแต่เอฟบีไอยังทำอะไรเธอไม่ได้

แต่ท้ายที่สุดแล้ว ที่พ่ายแพ้อย่างเจ็บปวดในครั้งนี้คงจะโทษใครไม่ได้นอกจากโทษตัวเอง ฮิลลารี่แพ้เพราะความเป็นฮิลลารี่ที่ครึ่งหนึ่งของคนอเมริกันเกลียด เพราะว่าเธอเป็นตัวแทนของการเมืองอเมริกันที่ล้มเหลวแต่อยู่ในอำนาจมานาน เธอเป็นตัวแทนของการเมืองที่เล็งเห็นประโยชน์ส่วนตัวและของพวกพ้องมากกว่าประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่ เธออยู่ข้างBig Money, Big Corporations, Big Banks ที่สำคัญเธอจะสานต่อนโยบายที่ล้มเหลวของโอบามาที่ทำให้คนอเมริกันว่างงานถึง94ล้านคนในเวลานี้

 เธอหวังว่าจะได้คะแนนเสียงจากคนผิวดำ &คนลาติโน รวมทั้งผู้หญิงเป็นโบนัสที่จะส่งให้เธอได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง เธอได้คะแนนจากคนเหล่านี้จริงที่เกิดจากนโยบายประชานิยมของพรรคเดโมแครตในช่วงที่ผ่านมา แต่มันไม่มากพอที่จะสกัดคะแนนของคนผิวขาวอเมริกันที่ออกมาใช้สิทธิ์กันอย่างล้มหลามเพื่อสั่งสอนความโอหังของฮิลลารี่ แม้แต่คนอเมริกันที่เคยโหวตให้เดโมแครตมาก่อนในรัฐสีฟ้าไม่ว่าจะเป็นเพนซิลวาเนีย วิสคอนซิน ไอโอวา นิวแฮมเชียร์ มิชิแกน ฯลฯต่างก็ตีจากฮิลลารี่อย่างไม่ไยดี ไม่ต้องนับรัฐสวิงกิ้งอย่างฟลอริด้า นอร์ทแคโรไลน่า และโอไฮโอที่ฮิลลารี่ไม่มีความเยื่อใยในฮฺลลารี่

ชัยชนะของทรัมป์เป็นการก่อหวอด (uprising)ของคนเมริกันผิวขาวที่ต้องการยึดคืนทำเนียบขาว และสภาคอนเกรซเพื่อให้ดาบอาญาสิทธิ์ให้กับทรัมป์และฝ่ายรีพับรีกันที่จะแก้ไขปัญหาของชาติอย่างถอนรากถอนโคนเพื่อทำให้อเมริกาฟื้นกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง

คำถามหรือคนอเมริกันคาดหวังไปมากเกินไปหรือไม่ เป็นการหนีเสือปะจระเข้หรือไม่ ที่ดับฝันนางแม่มดฮิลลารี่ได้ แล้วได้ทรัมป์มาบริหารประเทศ เพราะว่าทรัมป์เป็นของจริง หรือสิ่งเทียมต้องดูให้ลึกๆ ต้องดูให้นานกว่านี้
 thanong
 12/11/2016

[jainu]

มินิซีรี่ส์
 2. ทรัมป์ปฏิวัติ: ของจริง หรือสิ่งเทียม

หลังจากที่ทรัมป์พลิกล็อคชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทะลาย ปรากฎว่าวันต่อมา หรือวันที่9พฤศจิกายน มีการประท้วงทรัมป์ตามเมืองใหญ่ๆกระจายไปทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นที่รัฐวอชิงตัน แคลิฟอร์เนีย อิลลินอยส์ นิวยอร์ค หรือแม้แต่ในกรุงวอชิงตัน คนประท้วงถือป้าย Dump Trump (เอาทรัมป์ไปทิ้งขยะ) Not my president (ไม่ใช่ประธานาธิบดีของฉัน) เรียกทรัมป์ว่าเป็นฟาสซิสท์ เหยียดผิว มีการทำร้ายร่างกายกัน เกิดอารมณ์ที่รุนแรงของผู้ประท้วง มีการจุดไฟเผาธงชาติอเมริกัน มีรายงานคนดำทำร้ายร่างการคนขาวเพียงเพราะว่าเขาโหวตให้ทรัมป์ และที่สำคัญที่สุดมีข่าวว่ามีความพยายามที่จะให้รัฐแคลิฟอร์เนียแยกตัวออกจากสาธารณรัฐ

สหรัฐเจอ911อีกรอบ

911ในปี2001เกิดขึ้นในสมัยบุชเกิดขึ้นเพื่อเป็นข้ออ้างในการทำสงครามในตะวันออกกลางและเพื่อจัดระเบียบโลกใหม่ ส่วน911สมัยโอบามาตอนปลายเกิดขึ้นเพื่อนำไปสู่สงครามกลางเมืองอเมริกาเองเพื่อบีบคนอเมริกันให้เข้าสู่ภาวะสงครามโลกโดยไม่สามารถขัดขืนได้ เรื่องนี้จะเป็นเช่นไร ให้ดูการกระทำของทรัมป์ต่อไปว่า เขามาเพื่อฟื้นฟูสหรัฐ ทำให้สหรัฐกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง และรักษาสันติภาพของโลก หรือเขามาเพื่อทำลายสหรัฐเพื่อสร้างเงื่อนไขของสงครามโลกครั้งที่3ที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้

ปรากฎการณ์ของการไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีด้วยความรุนแรงอย่างนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์การเมืองสหรัฐ กระแสไม่เอาทรัมป์รุนแรงมากอารมณ์ของคนที่ไม่ยอมรับความจริงและความขัดแย้งกันเกิดขึ้นไปทั่ว ในการเลือกตั้งที่ผ่านมา แม้ว่าในช่วงหาเสียงอาจจะมีการสาดโคลนโจมตีกันด้วยอาวุธทางการเมืองที่สกปรกต่างๆ แต่ว่าหลังจากที่ประกาศผลออกมาแล้ว คนอเมริกันจะยอมรับผลการเลือกตั้ง ยอมรวมตัวกันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอีกครั้ง และให้โอกาสผู้ที่ชนะเป็นประธานาธิบดีได้ทำงาน ถ้าหากว่าทำงานไม่ดี อีก4ปีข้างหน้าเจอกันใหม่ที่คูหาการเลือกตั้ง

แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา เพราะว่ามีการสร้างเงื่อนไขของสงครามกลางเมือง (civil war) ผ่านการประท้วงทรัมป์และความพยายามที่จะล้มระบบElectoral Collegeที่เป็นหัวใจของระบบการเลือกตั้งประธานาธิบดีทางอ้อม ในขณะนี้มีคนอเมริกันมากกว่า2ล้านคนได้ร่วมลงชื่อคัดค้านการเป็นประธานาธิบดีของทรัมป์ โดยแนวร่วมChange.org ที่ต้องการให้คณะผู้แทน (Presidential Electors) ที่จะไปลงคะแนนให้ทรัมป์ ในวันที่19ธันวาคมนี้ แหกคอกด้วยการเทคะแนนให้กับฮิลลารี่แทน โดยอ้างว่าฮิลลารี่ชนะคะแนนความนิยมมากกว่าทรัมป์ คะแนนElectoral Collegeที่ทรัมป์มีมากกว่าฮิลลารี่เป็นความไม่ยุติธรรม ไม่สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของคนอเมริกันส่วนใหญ่
https://www.change.org/p/electoral-college-electors-elector…

ตามโผแล้ว ในวันที่19ธันวาคมนี้ ผู้แทนเลือกตั้งประธานาธิบดี (Presidential Electors) จะโหวตให้ทรัมป์และฮิลลารี่อย่างเป็นทางการอีกครั้งตามผลของการเลือกตั้ง โดยที่ใครชนะรัฐใด จะได้คะแนนจากรัฐทั้งหมดตามระบบใครชนะได้เสียงผู้แทนไปหมด (winner takes all) ยกเว้นมี2-3รัฐที่คะแนนจากElectoral Collegeจะแบ่งกันตามสัดส่วนของคะแนนความนิยมที่ได้ ผู้แทนเลือกตั้งประธานาธิบดีรวมตัวกันเรียกว่าElectoral College หลังจากที่ผู้แทนเลือกตั้งประธานาธิบดีโหวตให้ผู้สมัครแล้ว จะเดินทางไปกรุงวอชิงตันดีซีเพื่อเอาคะแนนนั้นให้สภาคอนเกรซรับรองอย่างเป็นทางการเป็นขัั้นตอนสุดท้าย

การเลือกตั้งประธานาธิบดีทางอ้อมแบบElectoral Collegeนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้แต่ละรัฐมีโอกาสได้กลั่นกรองคะแนนความนิยมในตัวประธานาธิบดีอีกครั้ง โดยไม่ให้มติของมหาชนเป็นผู้ชี้ขาด ทั้งนี้เพื่อเป็นการสร้างอำนาจต่อรองในการเลือกประธานาธิบดีให้รัฐ50กว่ารัฐ ที่ยอมเสียสละอำนาจอธิปไตยของตัวเองเพื่อรวมตัวกันเป็นสาธารณรัฐ

แต่แนวร่วมChange.Orgที่สนับสนุนนางแม่มด อ้างว่าผู้เลือกตั้งประธานาธิบดีไม่จำเป็นต้องโหวตให้ทรัมป์ตามกฎข้อบังคับ เพราะว่าไม่มีข้อบังคับอะไรที่ไม่ให้พวกเขาไม่สามารถลงคะแนนให้ฮิลลารี่ได้ อย่างมากก็โดนปรับ ถ้าต้องเสียค่าปรับ Change.Orgจะยอมจ่ายค่าปรับให้ โดยอ้างว่าทรัมป์มาจะสร้างความเสียหายให้กับสาธารณรัฐ ทรัมป์ไม่เหมาะที่จะเป็นประธานาธิบดี เพราะเขาเป็นคนที่สร้างความแตกแยก ใช้การข่มขู่ มีประวัติในเรื่องเซ็กซ์ที่ฉาวโฉ่ และไม่มีประสบการณ์ใดๆในการบริหารประเทศมาก่อน

ประเด็นคือผู้เลือกตั้งประธานาธิบดีจะกล้าแหกคอกโหวตให้ฮิลลารี่เพื่อให้ฮิลลารี่มีคะแนนElectoral Collegeมากกว่า270หรือไม่ ทั้งๆที่มีกฎข้อบังคับให้โหวตให้ทรัมป์ ถ้ามีการแหกคอกแหกโผเพื่อล้มการเลือกตั้งสกัดทรัมป์ไม่ให้เป็นประธานาธิบดี ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ฝ่ายทรัมป์จะออกมาอาละวาด แผ่นดินสหรัฐจะลุกเป็นไฟ ผู้ที่สนับสนุนทรัมป์เป็นคนอเมริกันผิวขาวที่มีอาวุธครบมือที่ไม่พอใจโอบามาและฮิลลารี่ที่พยายามที่จะริดรอนสิทธิของของในการครอบครองอาวุธตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ นอกจากนี้นโยบายเปิดเสรีอิมมิเกรชั่น การบริหารเศรษฐกิจที่ล้มเหลว การสร้างความขัดแย้งเรื่องผิวสีโดยพวกเดโมแครตในช่วงที่ผ่านมา ทำให้คนผิวขาวชนช้ันกลางและชนชั้นล่างเกลียดชังฮิลลารี่และโอบามามาก

ดูเหมือนว่า เงื่อนไขที่จะให้สาธารณรัฐเกิดความแตกแยกอันจะนำไปสู่การประท้วง จลาจลวุ่นวาย และอาจจะทำให้เกิดภาวะสงครามกลางเมือง ได้ถูกวางเอาไว้แล้ว ระบบประชาธิปไตยของสาธารณรัฐกำลังจะถูกทำลาย
 thanong
 12/11/2016

[jainu]

มินิซีรี่ส์
 3. ทรัมป์ปฏิวัติ: ของจริง หรือสิ่งเทียม

เชื่อกันว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังการประท้่วงลุงทรัมเป็ดทั่วประเทศสารขัณฑ์ โอ้ยไม่ใช่ ประเทศอเมริกาในขณะนี้คือพ่อมดการเงิน นายจอร์จ โซรอส การประท้วงทางการเมืองทุกครั้งเป็นการจัดตั้งทั้งนั้น อยู่ดีๆมวลมหาประชาชนจะออกมาร่วมชุมนุมประท้วงในเรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยมิได้มีการนัดหมายเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก แน่วร่วม MoveOn.orgของนายจอร์จ โซรอสเป็นหัวหอกในการขับเคลื่อนฝูงชนคนอเมริกันให้ออกมาต่อต้านทรัมป์ตาม10เมืองใหญ่ไม่ว่าจะเป็นชิคาโก้ นิวยอร์ค ลอสแองเจ ฟิลาเดลเฟีย บอสตัน วอชิงตันดี ซี พอร์ทแลนด์ รัฐโอเรกอน เซ็นท์ พอล รัฐมินิโซต้า ซีแอตเทิ้ล บัลติมอร์ ฯลฯ

นายโซรอส ผู้ทุบค่าเงินบาทจนเงินบาทแทบกลายเป็นเงินขยะในปีคศ.1997 ใช้แนวร่วมChange.Orgในการล่าลายเซ็นท์คนอเมริกันให้กดดันผู้เลือกประะานาธิบดีในแต่ละรัฐให้แหกโผด้วยการโหวตในElectoral Collegeให้ฮิลลารี่เป็นประธานาธิบดีแทนทรัมป์ และเขาใช้แน่วร่วมMoveOn.Orgในการสร้างกระแสไม่เอาทรัมป์ที่ผุดขึ้นมาเร็วมากตามเมืองใหญ่เหมือนดอกเห็ด โดยที่ป้ายที่ประท้วงมีข้อความคล้ายๆกัน ม็อบจัดตั้งนี้มีท่อน้ำเลี้ยงที่ล่ำซำ และใช้ความรุนแรง เป็นอันตรายต่อผู้ร่วมประชุมกันเอง รวมทั้งประชาชนคนอเมริกันที่บริสุทธิ์
http://www.dcclothesline.com/…/billionaire-globalist-soros…/

นายโซรอส ผู้ก่อตั้งเฮดจ์ฟันด์Quantum Fundที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในการได้กำไรจากการทำสงครามการเงินทั้วโลก เป็นผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครตอย่างออกหน้าออกตา โดยเคยมีข่าวว่าเขาให้เงินพรรคนี้$5,000ล้าน และเขาอยู่เบื้องหลังการสนับสนุนให้ฮิลลารี่เป็นประธานาธิบดี

การประท้วงต่อต้านทรัมป์ในเวลานี้ในอเมริกามีลักษณะคล้ายกับการปฏิวัติสี (Color Revolutions)ที่เกิดขึ้นในประเทศโซเวียตเก่าและคาบสมุทรบัลข่านในช่วงระยะแรกของทศวรรษที่2000 ก่อนที่จะลามไปสู่ดินแดนต่างๆทั่วโลก นายโซรอสเป็นตัวแทนหรือนายหน้าของพวกโลกาภิวัฒน์ (Globalists) ที่ใช้เงินของเขาผ่านมูลนิธิOpen Societyเพื่อส่งออกประชาธิปไตยเพื่อล้มประเทศต่างๆ ลงทุนน้อยแต่ได้ผลเกินคุ้ม เพราะว่าใช้เงินน้อย และเสียหายน้อยที่สุด

ปูติน ผู้นำรัสเซียตระหนักดีถึงภัยอันตรายของการปฏิวัติสี จึงเดินหน้าพัฒนาแสนยานุภาพทางทหารของรัสเซียเพื่อให้เทียบเท่าหรือแซงหน้าสหรัฐ มิเช่นนั้นแล้วจะไม่สามารถรักษาความเป็นประเทศได้ ผู้เชี่ยวชาญฝ่ายรัสเซียเรียกการปฏิวัติจอร์เจียในปีคศ 2012ว่าเป็นการปฏิวัติสีกุหลาบ (Rose Revolution) เรียกการปฏิวัติในยูเครนในปี2004ว่าการปฏิวัติสีส้่ม (Orange Revolution) การปฏิวัติในกีร์จีสถานในปี2005ว่าเป็นการปฏิวัติทูลิป (Tulip Revolution) การปฏิวัติสีทั้งหมดเรียกได้ว่าเป็นความพยายามของสหรัฐและยุโรปในการก่อสงครามในรูปแบบหนึ่งที่สร้างการปฏิวัติเพื่อบ่อนทำลายความมั่นคงเพื่อที่จะตักตวงผลประโยชน์ทางด้านความมั่นคง โดยที่ลงทุนต่ำและมีความเสียหายน้อยที่สุด ทั้งรัสเซีย จีนและประเทศเอเชียอื่นๆมองการปฏิวัติสีนี้ว่าเป็นภัยของความมั่นคง ที่ถูกใช้เพื่อทำลายความมั่นคงของรัฐต่างๆมาแล้วในตะวันออกกลาง แอฟริกา เอเชียกลางและเอเชียใต้
https://www.csis.org/…/russia-and-%E2%80%9Ccolor-revolution…

อาหรับสปริงค์ (Arab Spring)ที่ก่อหวอดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในโลกอาหรับก็เป็นฝีมือของโซรอสและกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐที่ทำงานร่วมกันระหว่างเอ็นจีโอรับเงินเพื่อแสดงความบ้าประธานาธิปไตยและหน่วยงานรัฐที่ทรงอิทธิพลที่สุดของสหรัฐ

จะเห็นได้ว่า ประเทศไทยในช่วงตั้งแต่ทักกี้เข้ามามีอำนาจในปีคศ 2001ถือว่าเป็นการเริ่มต้นของการปฏิวัติสีในเมืองไทย โดยที่สหรัฐและยุโรปให้การสนับสนุนทักกี้เพื่อเปลี่ยนแปลงการปกครอง อันนำมาสู่ความขัดแย้งทางการเมืองภายในประเทศอย่างรุนแรงอย่างไม่เคยปรากฎมาก่อน มีพวกเสื้อหลวงออกมาต่อต้านทักกี้ ต่อมามีพวกเสื้อแดงออกมาหนุนทักกี้ และมีพวกสีเสื้อต่างๆเข้ามาร่วมทำให้เกิดภาพของความขัดแย้งที่รุนแรงเพิ่มขึ้นมากเรื่อยๆการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ความร้าวฉาน ความแตกแยกทางการเมือง ครอบครัวญาติพี่น้องทะเลาะกันเพราะความเห็นทางการเมืองไม่ลงรอยกัน มีการเผาบ้านเผาเมืองโดยพวกเสื้่อแดงที่อ้างประชาธิปไตย มีทหารตำรวจแตงโม มีนักการเมืองนักวิชาการที่ต้องการให้ยูเอ็นเข้ามายึดประเทศไทย มีความพยายามที่จะล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ มีความพยายามที่จะแยกประเทศ ทำให้ในช่วงที่ผ่านมามีการปฏิวัติรัฐประหารแล้ว2ครั้ง ประเทศเกือบพังพินาศ

ถึงแม้่ว่าภาพที่ปรากฎว่าคนไทยขัดแย้งกันเอง และมีการฆ่ากันตายกันเอง แต่มองให้ลึกลงไปจะเห็นได้ว่า ประเทศไทยเป็นเหยื่อของกระแสปฏิวัติสีของสหรัฐและยุโรปที่ต้องการล้มล้างประเทศใดก็ตามที่ไม่ดำเนินนโยบายต่างประเทศและความมั่นคงที่ตอบสนองกับความต้องการของสหรัฐและสหภาพยุโรป โดยที่มีคนไทยที่โง่เขลารู้เท่าไม่ถึงการ หรือรู้ว่าอะไรจะเกิดแต่ยังคงทำเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง ทำให้ประเทศไทยต้องล้มลุกคลุกคลานมาตลอด
 (ดูข้อมูลปฏิวัติสีทั่วโลก ประเทศไทยติดร่างแหเป็นเหยื่อของกระแสปฏิวัติสีนี้ด้วย https://en.wikipedia.org/wiki/Colour_revolution)

ในเวลานี้ ประเทศไทยยังคงยืนอยู่บนปากเหวอยู่ เพราะว่าพวกนี้ยังเล่นไม่เลิก ทั้งๆที่ในหลวงได้ทรงเรียกร้องให้คนไทยมีความสามามัคคีและให้คำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมมาก่อนประโยชน์ส่วนตัว ช่วงนี้เป็นระยะของการไว้อาลัยของการจากไปของพระองค์ท่าน ขอให้กลับเนื้อกลับใจกันสำหรับคนที่หลงผิด ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป และจะคนไทยจะไม่มีแผ่นดินอาศัยอยู่ จากความแตกแยกและการครอบครองของต่างชาติ

มันเป็นสิ่งที่น่าเย้ยหยันที่ปฏิวัติสีที่โซรอสและสหรัฐได้ส่งออกทั่วโลก เพื่อล้มล้างประเทศต่างๆให้อยู่ภายใต้อำนาจของเผด็จการโลกกำลังย้อนศรเดินทางกลับสู่มาตุภูมิคือประเทศสหรัฐอเมริกาเอง การขึ้นมามีอำนาจของทรัมป์เกิดขึ้นท่ามกลางความขัดแย้งทางผิวสี ความเหลื่อมล้ำระหว่างเศรษฐีและคนจน ปัญหาผู้อพยพลี้ภัยเข้าเมืองที่ผิดกฎหมายแต่มีการปล่อยผีโดยโอบามา การริดรอนสิทธิคนอเมริกันในการครอบครองปืน การแก่งแย่งอำนาจระหว่างขั้วอำนาจต่างๆภายในฯลฯถูกสร้างเอาไว้แล้ว เพื่อเป็นเงื่อนไขของการปฏิวัติสี หรือสงครามกลางเมือง อันจะนำไปสู่ระบอบเผด็จการแบบเบ็ดเสร็จเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับรัสเซีย จีน เกาหลีเหนือและอิหร่านในการโชว์ดาวน์ครั้งสุดท้าย
 thanong
 12/11/2016

[jainu]

มินิซีรี่ส์
 4. ทรัมป์ปฏิวัติ: ของจริง หรือสิ่งเทียม

ทำไมในช่วงเช้าหลังวันเลือกตั้งประธานาธิบดีที่ยายแม่มดแพ้การเลือกตั้งอย่างบอบช้ำ เธอถึงได้ใส่ชุดดำคลุมเสื้อสีม่วงข้างใน บิลก็ใส่เน็คไทสีม่วงในงานแสดงศิลปะที่โรงแรมแห่งหนึ่งในเมืองนิวยอร์ค? ผู้สื่อข่าวมีการตั้งคำถามนี้ขึ้นมา และทีมงานของฮิลลารี่ตอบว่า สีม่วงเป็นสัญลักษณ์การปรองดองของสีน้ำเงินอเมริกาของพรรคเดโมแครต และสีแดงอเมริกาของพรรครีพับรีกัน เมื่อรวมสีน้ำเงินและสีแดงเข้าด้วยกันแล้ว จะได้สีม่วง

ไม่รู้ว่านักข่าวที่ตั้งคำถามนั้นฟังแล้วหนาวหรือไม่ เพราะว่าทั้งฮิลลารี่และบิลกำลังเตรียมการให้อเมริกาเข้าสู่โหมดของการปฏิวัติสีม่วง (Purple Revolution) โดยให้นายโซรอสออกหน้าเพื่อล้มระบบสาธารณะรัฐและปูทางไปสู่ระบบเผด็จการโดยสมบูรณ์

Wayne Madsenแห่งStrategic Culture Foundationเขียนรายงานว่า สีม่วงที่ฮิลลารี่และบิลส่วมใส่ในเช้าวันหลังเลือกตั้งนั้นบอกนัยยะของการปฏิวัติสีที่นายจอร์จ โซรอสมีบทบาทในการสร้างความวุ่นวาน ผ่านส่งออกประชาธิปไตยเพื่อการปฏิวัติล้มล้างประเทศต่างๆตลาดระยะเวลาหลาย10ปีที่ผ่านมา ขบวนการปฏิวัติสีม่วงของฮิลลารี่จะต่อต้านแผนการ หรือนโยบายทุกอย่างของทรัมป์เพื่อที่จะล้มทรัมป์ หลังจากที่ทรัมป์สัญญาว่าจะเข้ามากวาดล้างสิ่งที่เลวร้ายในวอชิงตัน และล้มล้างทุกอย่างที่คลินตันและโอบามาได้ทำเอาไว้
http://www.strategic-culture.org/…/clintons-and-soros-launc…

ทรัมป์ได้ใจคนอเมริกันเพราะว่าเขาเป็นคนนอกที่ต้องการเข้ามาแก้ปัญหาและจัดการกับการคอรัปชั่นของนักการเมืองในวอชิงตันดีซี โดยเฉพาะอย่างยิ่งอิทธิพลของตระกูลคลินตันและโอบามา น่าสนใจที่ ก่อนวันเลือกตั้งประธานาธิบดีเพียงวันเดียว ทรัมป์ออกโฆษณาทีวี โจมตีนายโซรอส นางเจเน็ต เยลเลน ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ และนายLloyd Blankfein ประธานของธนาคารGoldman Sachsที่เป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างอำนาจโลกที่มีอำนาจในการตัดสินใจนโยบายเศรษฐกิจที่นำไปสู่การปล้นชนชั้นกลาง ปล้นความร่ำรวยของประเทศสหรัฐอเมริกาและเอาเงินนั้นไปใส่ในกระเป๋าของของบริษัทใหญ่ๆเพียงไม่กี่บริษัท รวมทั้งองค์กรทางการเมืองอีกด้วย
https://www.youtube.com/watch?v=tWzY1jzT2_c

โซรอสรีบให้สมุนออกมาโต้กลับว่า ทรัมป์เป็นพวกที่ต่อต้านยิว (anti-Semitic)

การเผชิญหน้าระหว่างทรัมป์นักปฏิวัติ และขั้วอำนาจเก่าของบุชและคลินตันกำลังจะเริ่มภายใต้การปฏิวัติสีม่วงเพื่อแย่งอำนาจกันในขณะที่ระบบสาธารณรัฐกำลังถูกท้าทาย จะเป็นการจัดฉากหรือไม่ตั้งดูกันนานๆ

ทรัมป์โดนโจมตีจาก2ด้าน ในด้านหนึ่งมีพวกเจ้าหน้าที่รัฐที่ฝักใฝ่ในลัทธินีโอคอน รวมทั้งอดีตเจ้าหน้าที่ชั้นสูงของซีไอเอ และสภาความมั่นคงอย่างMichael Hayden และอดีตหัวหน้าของHomeland Securityอย่างMichael Chertoff รวมทั้งสมุนเก่าของตระกูลบุชที่ยังคงพยายามรักษาฐานอำนาจในสภาความมั่นคง ซีไอเอ เพนตากอน และกระทรวงการต่างประเทศ พวกนี้ต้องป่วนทรัมป์เพื่อต่อรองให้คนของตัวเองได้รับการแต่งตั้งเข้าไปทำงานในรัฐบาลทรัมป์ให้ได้จำนวนมากที่สุดเพื่อคงอำนาจและ เพื่อว่าทรัมป์จะยังคงสานต่อนโยบายของโอบามาในการดำเนินนโยบายเผชิญหน้าทางทหารกับรัสเซีย จีน อิหร่าน เวเนซูเอลล่า คิวบา และประเทศอื่นๆ ผลประโยชน์ในการก่อสงคราม หรือปฏิบัติการทางความมั่นคงระหว่างประเทศคืออำนาจล้นฟ้าที่แท้จริง

อีกด้านหนึ่ง จอร์จ โซรอสออกโรงเองในการทำลายทรัมป์ผ่านสงครามโฆษณาชวนเชื่อที่กลุ่มก้อนทางการเมือง รวมทั้งสื่อกระแสหลักและสื่อนอกกระแส อีกทั้งนักข่าวในสิ่งพิมพ์ ทีวี ออนไลน์ และเว็ปไซท์ต่างๆที่รับเงินโซรอสมาดำเนินการทำลายความน่าเชื่อถือของทรัมป์ก่อนที่ทรัมป์จะรับตำแหน่งเสียอีก

อเมริกากำลังเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนผ่าน จะเลือกทางเดินของทรัมป์ปฏิวัติเพื่อล้มอิทธิพลของรัฐบาลเงา นักการเมืองเลวๆ และพวกนักการเงินวอลล์สตรีทเพื่อปลดแอกให้คนอเมริกันอย่างจริงจัง หรือจะเลือกทางเดินปฏิวัติสี อันจะนำไปสู่ความโกลาหลวุ่นวาย เพื่อเปิดทางให้มีการปฏิวัติเพื่อล้มรัฐธรรมนูญและรักษาอำนาจของโอบามาฮิลลารี่และรัฐบาลเงาต่อไป ขึ้นอยู่กับว่าทรัมป์เป็นของจริง หรือสิ่งเทียมที่ถูกเซ็ตขึ้นมา โดยที่จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยเหมือนกับที่โอบามาได้หลอกคนอเมริกันมา8ปีเต็ม โอบามาสร้างความเสียหายเอาไว้มากแบบกู่ไม่กลับ

ทรัมป์ก็มีดีเหมือนกัน โดยหยอดคำหวานให้สัญญาพวกทหารผ่านศึกที่โอบามามองข้ามหัวอย่างไม่ใยดีว่าจะดูแลและตอบแทนสวัสดิการเต็มที่เมื่อได้เป็นประธานาธิบดีแล้ว พวกทหารผ่านศึกถึงบางอ้อกันเกือบทุกคน เพราะว่าโดนหลอกให้ไปรบจนตัวเองเกือบตาย บางคนเป็นพิการ ส่วนมากมีภาวะจิตใจไม่ปกติเหมือนคนทั่วไป แล้วไม่ได้อะไร เงินตอบแทนก็แทบจะไม่พอกินพอใช้ แต่ผลประโยชน์ของสงครามกลับตกกับนักการเมืองอย่างโอบามา ฮิลลารี่ บิล บุช พ่อค้าผู้ผลิตอาวุธและบริษัทน้ำมัน

ถ้าหากโซรอสและนางแม่มดจะล้มทรัมป์ด้วยการปฏิวัติสีม่วงผ่านสงครามกลางเมืองเหมือนที่กรุงเทพเคยเจอมาแล้วที่เซ็นทรัลเวอร์ลด์ ทรัมป์จะใช้พวกทหารผ่านศึกเข้ามาช่วยลุย นึกภาพเอาก็แล้วกันว่าพวกทหารผ่านศึกที่ติดอาวุธหนักอาวุธเบาครบเครื่อง ดวลกันกับสมุนโซรอสที่ต้องการเผาธงชาติ เผาบ้านเผาเมือง แบ่งแยกรัฐต่างๆ บ้านเมืองอเมริกาจะเป็นเช่นใด?

อเมริกาจะเลี่ยงสงครามกลางเมืองได้หรือไม่...
 thanong
 12/11/2016

[jainu]

มินิซีรี่ส์
 5. ทรัมป์ปฏิวัติ: ของจริง หรือสิ่งเทียม

ในยุคสุดท้าย จะปรากฎนางแพศยาแห่งบาบิโลนออกมาด้วยอาภรณ์สีม่วงเพื่อก่อสงครามอาร์มาเกดดอนตามคำทำนายของพระคำภีร์ไบเบิ้ล:

“หญิงนั้นนุ่งห่มผ้าสีม่วงและสีแดงเข้ม ตัวนางแพรวพราวไปด้วยเครื่องทอง เพชรนิลจินดาและไข่มุก นางถือถ้วยทองคำอันเต็มไปด้วยสิ่งน่าสะอิดสะเอียนและของโสโครกแห่งการล่วงประเวณีของนาง มีสมญานามเขียนไว้ที่หน้าผากของนางว่า ความลี้ลับ บาบิโลนมหานคร มารดาแห่งหญิงโสเภณี และสิ่งน่าสะอิดสะเอียนทั้งหลายของโลก

ข้าพเจ้าเห็นหญิงนั้นเมามายด้วยเลือดของประชากรของพระเจ้าและเลือดของผู้ที่เป็นพยานเพื่อพระเยซู เมื่อข้าพเจ้าเห็นนางแล้วก็ประหลาดใจยิ่งนัก แล้วทูตนั้นกล่าวกับข้าพเจ้าว่า “เหตุใดท่านจึงประหลาดใจ? ข้าพเจ้าจะอธิบายความลี้ลับของหญิงนั้นกับสัตว์ร้ายเจ็ดหัวสิบเขาที่นางขี่ให้ฟัง สัตว์ร้ายที่ท่านได้เห็นนั้น ครั้งหนึ่งเคยมีชีวิตอยู่ แต่บัดนี้ไม่มี มันจะขึ้นมาจากนรกขุมลึกและไปสู่ความพินาศของมัน ชาวโลกทั้งหลายซึ่งไม่มีชื่ออยู่ในหนังสือแห่งชีวิตนับตั้งแต่ทรงสร้างโลกจะประหลาดใจเมื่อเห็นสัตว์ร้ายนี้ เพราะครั้งหนึ่งมันเคยมีชีวิตอยู่และบัดนี้ไม่มี แต่มันจะมาในอนาคต

“ในเรื่องนี้ต้องใช้ปัญญาตริตรอง เจ็ดหัวคือเนินเขาเจ็ดยอดที่หญิงนั้นนั่งอยู่ ทั้งยังหมายถึงกษัตริย์เจ็ดองค์ ซึ่งห้าองค์ล่วงไปแล้ว องค์หนึ่งเป็นอยู่ อีกองค์หนึ่งยังไม่มา แต่เมื่อมาแล้วจะอยู่เพียงชั่วระยะหนึ่ง สัตว์ร้ายซึ่งครั้งหนึ่งเคยมีชีวิตอยู่แต่บัดนี้ไม่มีคือกษัตริย์องค์ที่แปด มันร่วมในกลุ่มของกษัตริย์ทั้งเจ็ดองค์ด้วยและกำลังจะไปสู่ความพินาศของมัน

 “ส่วนเขาทั้งสิบที่เห็นนั้นคือกษัตริย์สิบองค์ที่ยังไม่ได้ครองราชย์ แต่จะได้รับอำนาจในฐานะกษัตริย์ร่วมกับสัตว์ร้ายนั้นเป็นระยะเวลาสั้นๆ พวกเขาจะมีมติเป็นเอกฉันท์ให้มอบฤทธิ์เดชและอำนาจแก่สัตว์ร้ายนั้น พวกเขาจะทำศึกกับพระเมษโปดก แต่พระเมษโปดกจะทรงพิชิตพวกเขาเพราะพระองค์ทรงเป็นเจ้านายเหนือเจ้านายทั้งหลาย เป็นกษัตริย์เหนือกษัตริย์ทั้งหลายและสาวกผู้สัตย์ซื่อที่พระองค์ทรงเรียกและทรงเลือกไว้จะอยู่กับพระองค์

” แล้วทูตนั้นกล่าวกับข้าพเจ้าว่า “น้ำมากหลายที่ท่านเห็นหญิงโสเภณีนั้นนั่งอยู่คือเผ่าพันธุ์ หมู่คน ชนชาติ และภาษาต่างๆ สัตว์ร้ายและสิบเขาที่ท่านได้เห็นจะเกลียดชังหญิงโสเภณีนั้น พวกมันจะทำลายและปล่อยให้นางเปลือยเปล่า จะกินเนื้อของนางและเผานางด้วยไฟ”

วิวรณ์ 17:4-16 TNCV
http://bible.com/179/rev.17.4-16.tncv

thanong
 12/11/2016

[jainu]

มินิซีรี่ส์
 6. ทรัมป์ปฏิวัติ: ของจริง หรือสิ่งเทียม

ใน100วันแรกของการเป็นประธานาธิบดี ทรัมป์จะทะยอยออกนโยบายปฏิวัติอเมริกา โดยจะล้มล้างผลงานที่เป็นมรดกแห่งความล้มเหลวทุกอย่างของโอบามา หลังจากที่เดินทางไปหาโอบามาที่ทำเนียบขาวในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา หรือ2วันหลังชนะการเลือกตั้ง ทรัมป์เริ่มรู้ตัวแล้วว่า การหาเสียงเป็นเรื่องหนึ่ง แต่การบริหารประเทศมันเป็นอีกคนละเรื่อง มันไม่ง่ายเลย

โอบามาให้คำแนะนำทรัมป์เกี่ยวกับการเตรียมการในการรับงานจากในช่วงเปลี่ยนถ่ายอำนาจ ปรากฎว่าทรัมป์และทีมงานไม่ได้มีการเตรียมตัวอะไรเลย ภาระกิจมันใหญ่เกินจินตนาการของทรัมป์ทำให้เขาดูประหม่าเล็กน้อยในระหว่างที่พูดคุยกับโอบามาในทำเนียบขาว ทีมงานของทรัมป์ที่ดูแลการแต่งตั้งคนที่จะเข้ามาช่วยงานฝ่ายบริหารต้องคัดเลือกคนถึง4,000คน โดยมีประธานเป็นMike Pence ว่าที่รองประธานาธิบดี รวมทั้งลูกๆของทรัมป์คอยดูแลเรื่องนี้

ทรัมป์ประกาศที่ดีซี ว่านโยบายที่เขาจะเน้นในช่วงแรกของการบริหารงานคือเรื่องอิมมีเกรชั่น การจ้างงาน ประกันสุขภาพ และเรื่องภาษี

1. ในเรื่องอิมมีเกรชั่น ทรัมป์ต้องการจัดการเด็ดขาดกับคนอพยพเข้าอยู่อเมริกาอย่างผิดกฎหมาย จะมีการสร้างกำแพงขวางกั้นชายแดนทางตอนใต้กับเม็กซิโก คนหลบหนีเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายจะถูกส่งตัวกลับ ไม่ใช่จับแล้วปล่อย โรบินฮู๊ดที่ทำผิดกฎหมายจะโดนลงโทษอย่างหนัก หยุดการออกวีซ่าให้ประชาชนจากประเทศที่การตรวจสอบประวัติไม่ดีพอ

ยังไม่ชัดเจนว่าใครจะออกค่าใช้จ่ายในการสร้างกำแพงระหว่างสหรัฐและเม็กซิโก แต่ทรัมป์ประกาศว่าจะส่งตัวกลับประเทศ หรือกักขังคนต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยผิดกฏหมาย2-3ล้านคน

2. ทรัมป์จะส่งเสริมความเข้มเข็งของฝ่ายทหาร เพิ่มเงินเดือนทหารและสวัสดิการทหารผ่านศึก รับมือกับความเสี่ยงของอาวุธนิวเคลียร์และการโจมตีทางไซเบอร์ แม้ว่าสหรัฐจะใช้จ่ายงบประมาณทางทหารสูงที่สุดในโลก หรือประมาณ$600,000กว่าล้านต่อปี มากกว่าประเทศอื่นๆที่ใช้จ่ายทางทหาร10ประเทศรองลงมารวมกันเสียอีก แต่ทรัมป์ไม่มีแผนตัดการใช้จ่ายทางทหารของเพนตากอน เพื่อเชฟเงินส่วนนี้มาช่วยในการจ้างงาน

3. ปรับปรุงกฎหมายการเงินDodd- Frank Actเพื่อเปิดโอกาสให้แบงค์ใช้พอร์ตการลงทุนของตัวเองในการทำธุรกรรมทางการลงทุนได้ รวมทั้งลงทุนโดยตรงในเฮ็ดจ์ฟันด์ได้ ถ้าทรัมป์เอาพวกวอลล์สตรีทมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีการคลัง เท่ากับว่าทรัมป์จะแตกต่างอะไรกับฮิลลารี่ หรือโอบามา ที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาการเงิน หรือเศรษฐกิจของประเทศได้ เพราะว่าต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของวอลล์สตรีทมาก่อน

4.ให้มีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อฟื้นฟูการทำงาน แผนของทรัมป์จะให้มีการลงทุน$1ล้านล้านในระยะ10ปีข้างหน้าเพื่อสร้างหรือปรับปรุงถนนหนทาง ท่าเรือ อุโมงค์ สะพาน ฯลฯ เท่ากับว่าทรัมป์ต้องการใช้เงินอย่างน้อยปีละ$100,000ล้านในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสร้างงานและทำให้เศรษฐกิจมีการเจริญเติบโต สหรัฐไม่ได้ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานมานานแล้ว เพราะว่าต้องจ่ายหนี้และสวัสดิการสังคมเป็นจำนวนมากในงบประมาณประเทศ รวมทั้งค่าใช้จ่ายทางทหารที่กินเข้าไปแล้ว1ใน3ของงบประมาณ ไม่เหมือนจีนที่มีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานอย่างเป็นกอบเป็นกำเพื่อสร้างการเจริญเติบโต

5. บริษัทอเมริกันที่ลงทุนในต่างประเทศจะโดนภาษี จะมีแรงจูงในให้บริษัทอเมริกันลงทุนในบ้านเพื่อจ้างงาน ที่ผ่านมาแรงงานอเมริกันทางการผลิตลดลงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากบริษัทอเมริกันย้ายฐานการผลิตไปยังเม็กซิโก หรือประเทศจีนและประเทศเกิดใหม่ต่างๆเพื่อลดรายจ่ายการผลิตและแรงงาน ผลก็คืออัตราการว่างงานของสหรัฐสูงมาก ตัวเลขว่างงานของสหรัฐที่แท้จริงอยู่ที่94ล้านคน

6. ทรัมป์ต้องยกเลิกแผนประกันสุขภาพของโอบามาที่ได้ช่วยให้คนอเมริกันประมาณ12ล้านกว่าคนได้เขามาสู่ระบบประกันสุขภาพ แต่มันทำให้ค่าใช้จ่ายสูงขึ้น คนจนไม่มีปัญญาจ่ายค่าพรีเมี่ยม ส่วนบริษัทขนาดเล็กขนาดกลางรับภาระจ่ายค่าพรีเมี่ยมให้พนักงานของตัวเองไม่ได้ แต่มีข่าวว่าทรัมป์อาจจะยังคงบางส่วนของโอบามาแคร์

7. แผนลดภาษีของทรัมป์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจะทำให้สหรัฐมีหนี้เพิ่ม$5.3ล้านล้านในระยะ10ปีข้างหน้า ทรัมป์ต้องการลดภาษีทั้งกระดาน และลดกฎระเบียบต่างๆที่เอื้ออำนวยให้ธุรกิจจะสามารถเดินหน้าต่อไปได้
 ฯลฯ

ต้องจับตาดูแผนของทรัมป์ว่าจะปฏิวัติสหรัฐได้จริงหรือไม่ จะมีการลดภาษี แต่จะมีการเพิ่มการลงทุนในงบประมาณการคลัง เท่ากับว่าสหรัฐจะมีหนี้เพิ่มมากขึ้น ทั้งๆที่หนี้ตอนนี้สูงอยู่แล้วที่$20ล้านล้าน การลงทุนเพิ่มจะทำให้เกิดเงินเฟ้อที่รอวันที่จะปะทุออกมา และจะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐไม่สามารถรักษาดอกเบี้ยอยู่ที่ฐาน0.50%อีกต่อไป ถ้าดูให้ดี มาตรการของทรัมป์จะเป็นมิตรกับตลาดการเงินและธุรกิจ แต่ปัญหาที่หมักหมมมานานของสหรัฐในเรื่องฟองสบู่ตลาดบอนด์และตลาดหุ้น รวมทั้งหนี้ที่สูงจะทำให้มาตรการต่างๆของทรัมป์ไม่สามารถที่จะแก้ปัญหาพื้นฐานได้
 thanong
 12/11/2016

[jainu]

มินิซีรี่ส์
 7. ทรัมป์ปฏิวัติ: ของจริง หรือสิ่งเทียม

มีเพียงRon Paulอดีตสส พรรครีพับรีกัน และเป็นพ่อของวุฒิสมาชิก Rand Paulเท่านั้นที่ออกมายืนยันว่า ทรัมป์ไม่ได้มีอะไรแตกต่างจากฮิลลารี่เลย รอน พอล ผู้มีจุดยืนทางการเมืองแนว Libertarian ที่เน้นเสรีภาพของปัจเจกบุคคล และการค้าเสรีที่ไม่มีการผูดขาด และปราศจากการแทรกแซงของรัฐบาล

เขาบอกว่า จากจุดยืนของแนวคิดเสรี ไม่มีความแตกแต่งใดๆเลยระหว่างฮิลลารี่ และทรัมป์ เพราะว่าทั้งคู่สนับสนุนอุตสาหกรรมผลิตอาวุธและทหาร บทบาทของธนาคารกลาง การทำงบประมาณขาดดุล สวัสดิการสังคม รวมทั้งการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล การเลือกตั้งประธานาธิบดี2016 เป็นการต่อสู้ระหว่างประชานิยม+ชาตินิยมแบบสุดขั้วของทรัมป์ กับสังคมนิยมของฮิลลารี่ ถือว่าเป็นเผด็จการทั้งคู่ในสายตาของพอล
http://theantimedia.org/ron-paul-absolutely-no-meaningful-…/

พอลไม่เชื่อว่า ทรัมป์เวลาเป็นประธานาธิบดีแล้วจะทำในสิ่งที่ตัวเองได้หาเสียงเอาไว้ แม้ว่าในฐานะคนนอก เขามีโอกาสที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงได้มากกว่าฮิลลารี่ แต่เราไม่รู้ว่ารัฐบาลเงาต้องการให้ทรัมป์ทำอะไรกันแน่ เพราะว่าเวลาเราดูตัวประธานาธิบดี เราเห็นในสิ่งที่เขาพูด เราดูสิ่งสิ่งเขาอาจจะทำ และเราดูที่ปรึกษาของเขา แต่เอาเข้าจริงแล้ว ยังมีอำนาจจากข้างนอก ซึ่งเราอาจจะเรียกว่ารัฐบาลเงา (Shadow Government) หรือรัฐบาลที่อยู่ในชั้นลึกลงไป (Deep State) ยังคงมีคนที่มีอิทธิพลมากกว่ารัฐบาลมาก ให้ดูตัวอย่างที่รัฐบาลสหรัฐที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นที่ตะวันออกกลาง หรืออยู่ที่ยูเครน

พลรู้สึกไม่สบายใจที่พวกนีโอคอนบ้าสงครามที่กำลังพยายามห้อมล้อมทรัมป์อยู่เวลานี้ และถ้าทรัมป์เอาพวกนี้เป็นที่ปรึกษา นั้นจะเป็นสัญญาณที่ไม่ดี แม้ว่าในช่วงการหาเสียงเลือกตั้ง ทรัมป์จะพูดเกี่ยวกับนโยบายที่ไม่ต้องเผชิญหน้ากับรัสเซีย ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี ทรัมป์วิจารย์สงครามในตะวันออกกลาง และพูดถึงความจำเป็นในการทำสงครามต่อต้านไอซิส และการก่อการร้าย

พอลไม่คิดว่า ทรัมป์จะนำพาให้สหรัฐลดบทบาทลงในนาโต้ แม้ว่าผู้นำนาโต้ตอนนี้จะแสดงความวิตกว่า ทรัมป์จะเอาอย่างไรกันแน่ เพราะว่าในช่วงหาเสียงทรัมป์แสดงท่าทีที่ชัดเจนว่าไม่ต้องการให้สหรัฐแบกภาระทางการเงินให้นาโต้ เพราะว่าเขาต้องการฟื้นฟูเศรษฐกิจภายในสหรัฐก่อน

อย่างไรก็ตาม เราจะเห็นทรัมป์ได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นว่า เขาจะเป็นตัวของเขาเอง หรือเขาจะทำตามคำมั่นสัญญาในการหาเสียงหรือไม่ ก็ต่อเมื่อเราได้เห็นรายชื่อคณะรัฐมนตรีของเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งตำแหน่งที่ดูแลความมั่นคงไม่ว่าจะเป็นผู้อำนวยการซีไอเอ สภาความมั่นคง หรือเพนตากอน
http://www.thedailysheeple.com/ron-paul-on-trump-election-b…

thanong
 14/11/2016

[jainu]

มินิซีรี่ส์
 8. ทรัมป์ปฏิวัติ: ของจริง หรือสิ่งเทียม
 กระแสประท้วงไม่เอาทรัมป์ที่กำลังกระจายไปตามเมืองใหญ่ต่างๆของสหรัฐเป็นเวลา6วันติดต่อกันแล้ว การประท้วงในนิวยอร์ค ซาน ฟรานซิสโก โอคแลนด์ ชิคาโก ฯลฯในเวลานี้ถูกจุดปะทุโดยพ่อมดการเงิน นายจอร์จ โซรอส เพื่อที่จะล้มทรัมป์ หรือสร้างสงครามกลางเมือง

ยังไม่มีแววว่าการประท้วงจะสงบหรือคลี่คลายลงไป

มีผู้ประท้วงที่ถูกจับหลายสิบคนไปแล้ว และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บจากการปะทะกับผู้ประท้วง แต่ทั้งประธานาธิบดีโอบามาและฮิลลารี่กลับนิ่งเงียบ ไม่ได้ออกมาเรียกร้องให้ผู้ประท้วงกลับบ้านหรือยุติการประท้่วงแต่ประการใด เพราะว่าผลการเลือกตั้งออกมาแล้วว่าทรัมป์ชนะฮิลลารี่อย่างถล่มทลาย
http://www.reuters.com/…/us-usa-election-protests-saturday-…

ภาพวิดีโอที่นำมาให้ชมคือรถบัสที่จอดเรียงรายกันที่ถนน South Canal ที่เมืองชิคาโก้ เพื่อจำคนมาประท้่วงทรัมป์ในวันที่12พฤศจิกายนที่ผ่านมา มีคนเข้าร่วมประท้วงเดินทางมาด้วยรถไฟอีกด้วย
https://www.youtube.com/watch?v=2OVHb-zc4Lw

สงสัยคนจัดฉากการประท้วงทรัมป์เคยมาดูงานที่เมืองไทยมาก่อน เพราะว่ารูปแบบ และการจัดการโลจิสติกส์คล้ายๆกัน ยกเว้นแต่ว่าไม่มีรายการบันเทิง คอนเสิร์ต รวมทั้งอาหาร4ภาค
 thanong
 14/11/2016

[jainu]

มินิซีรี่ส์
 9. ทรัมป์ปฏิวัติ: ของจริง หรือสิ่งเทียม

ในวันเสาร์ที่12พฤศจิกายนที่ผ่านมา นางแม่มดได้พบปะกับสปอนเซอร์ที่ให้สนับสนุนแคมเปญการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีของเธอ มีข่าวรั่วออกมาว่า เธอตำหนิเอฟบีไอว่าเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เธอแพ้

ฮิลลารี่บอกว่า การออกมาประกาศว่าจะทำการรื้อฟื้นคดีอีเมล์และเชิร์ฟเวอร์ส่วนตัวของฮิลลารี่ในสมัยที่เธอดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศในวันที่28ตุลาคม หรือ11วันก่อนการเลือกตั้งทำให้แรงเหวี่ยง (momentum)ของการหาเสียงของเธอสะดุดไป ทรัมป์กลับขึ้นมาตีตื้น

ยิ่งในวันที่6ตุลาคม หรือ2วันก่อนการเลือกตั้ง นายเจมส์ คอมเมล์ ผู้อำนวยการของเอฟบีไอออกมากลืนน้ำลายตัวเอง ด้วยการประกาศว่าทางเอฟบีไอไม่พบหลักฐานเพียงพอที่จะดำเนินการฟ้องร้องฮิลลารี่ในคดีอาญา ยิ่งจะทำให้ฮิลลารี่ดูแย่ลงไป เพราะว่าทรัมป์ออกมาโจมตีว่า เห็นไหมว่าฮิลลารี่กำลังทำตัวเองอยู่เหนือกฎหมาย เอฟบีไอยังเอื้อมไม่ถึง และการเลือกตั้งครั้งนี้ต้องโกงแน่นอน
http://www.reuters.com/article/us-usa-election-idUSKBN1370LC

ในช่วงการเลือกตั้งล่วงหน้า และการแคมเปญก่อนการเลือกตั้ง WikiLeaksมีการปล่อยข่าวออกมาจากการแฮ็คอีเมล์ของพรรคเดโมแครต และอีเมล์ของนายJohn Podesta ประธานการแคมเปญเลือกตั้งประธานาธิบดีของฮิลลารี่เป็นระยะๆ ได้สร้างความรู้สึกว่า ฮิลลารี่ได้รับสิทธิพิเศษในการลือกตั้ง เธอเป็นคนโปรดของวอชิงตันที่จะได้เป็นประธานาธิบดี สื่อและโพลกระแสหลักต่างให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีที่จะสร้างภาพพจน์ในทางบวกให้ฮิลลารี่ และในทางตรงข้ามจะรายงานภาพลบให้แก่ทรัมป์
https://www.rt.com/…/366148-podesta-emails-wikileaks-poste…/

คนวงในพรรคเดโมแครตออกมายอมรับว่า ปัจจัยที่ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้ คือคนขาว3ต่อ1ในพื้นที่ชนบทของอเมริกาออกมาใช้สิทธิ์ลงคะแนนให้ทรัมป์อย่างล้นหลาม เพราะทนไม่ได้กับการเมืองสกปรกของนางแม่มด ทำให้ทรัมป์สามารถแซงฮิลลารี่ได้ในโค้งสุดท้่ายของการเลือกตั้ง นางแม่มดหวังว่าจะได้เสียงจากคนผิวดำ หรือคนลาติโน และยอมสละทิ้งคนชนบทอเมริกัน ปรากฎว่าสิ่งนี้คือความผิดพลาดที่ใหญ่หลวง เพราะว่าคนขาวชนบทในการเลือกตั้งประธานาธิบดี2016เป็นปัจจัยชี้ขาด

ถ้าหากว่าฮิลลารี่แพ้ทรัมป์ในฐานเสียงของคนผิวขาวชนบทแค่2ต่อ1 ผลของการเลือกตั้งจะออกมาในอีกรูปแบบ

อย่างไรก็ตาม บทบาทของWikiLeaksในการปล่อยข่าวอีเมล์ฉาวของฮิลลารี่ และการแทรกแซงทางการเมืองของเอฟบีไอในช่วงการเลือกตั้งมีน้ำหนักมากในการสร้างความพ่ายแพ้อย่างยับเยินให้ฮิลลารี่ WikiLeaks ได้ข้อมูลแฮ็คจากใคร ถ้าหากว่าไม่ใช่จากคนวงในของฝ่ายความมั่นคงในวอชิงตัน นอกจากนี้ เอฟบีไอหรือจะกล้าหักฮิลลารี่ ถ้าหากว่าไม่มีเจ้าพ่อตัวจริงหนุนหลัง เจมส์ คอมเมล์เป็นเด็กของบุชที่อาจจะไม่ลงรอยกับพวกคลินตัน

แต่เราอาจกล่าวได้โดยรวมว่าฮิลลารี่แพ้พวกว่าพวกรัฐบาลเงา (Shadow Government) หรือรัฐบาลที่อยู่เบื้องลึก (Deep State)ไม่สนับสนุนให้เธอเป็นประธานาธิบดี จะเห็นได้ว่านางแม่มดไม่ได้ชี้นิ้วไปยังปูติน หรือรัสเซียเหมือนในช่วงแคมเปญ เพราะว่ารัสเซียไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือเข้ามาแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐในครั้งนี้

ฮิลลารี่ต่างหากที่โดนรัฐบาลเงาหลอกว่าจะให้การสนับสนุนเธอให้เป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรก แล้วมาหักหลังเธอทีหลัง อาจจะเป็นไปได้ว่าพวกรัฐบาลเงาเกรงกลัวว่าจะเอาฮิลลารี่ไม่อยู่ เพราะว่าในช่วงที่ผ่านมาทั้งเธอร่วมมือกับบิล ผู้ที่เป็นสามีและโอบามาในการสร้างฐานอำนาจใหม่ พวกคลินตัน+โอบามาอาจจะมีความทะเยอทะยานมากเกินไปที่จะสร้างฐานอำนาจให้ตัวเอง โดยจะมีการผลักดันให้มิเชล โอบามา หรือเชลซี ลูกสาวฮิลลารี่เป็นทายาทรับช่วงต่ออำนาจต่อไปในอนาคต

รัฐบาลเงาถึงได้แฮ็คอีเมล์ของพรรคเดโมแคต ฮิลลารี่ และJohn Podestaเพื่อทำลายนางแม่มด เอฟบีไอออกมาตีรวนแคมเปญของฮิลลารี่ก็เป็นใบสั่งของรัฐบาลเงา

หลังจากที่แพ้การเลือกตั้งแล้ว ฮิลลารี่สวมเสื้อสีม่วงเพื่อส่งสัญญาณว่าการปฏิวัติสีม่วงกำลังจะเริ่ม มีการประท้วงไม่เอาทรัมป์ตามเมืองใหญ่ๆของอเมริกา ภายใต้ท่อน้ำเลี้ยงของนายจอร์จ โซรอส ทำให้ภาพที่ปรากฎคือ การเมืองภายในสหรัฐกำลังแย่งชิงอำนาจกันเอง แต่จะมองลึกลงไปอีกก็ได้ว่า การโค่นฮิลลารี่เป็นแผนการเตรียมอเมริกาเข้าสู่สงครามกลางเมืองและสงครามโลกในที่สุด
 thanong
 14/11/2016

[jainu]

มินิซีรี่ส์
 10. ทรัมป์ปฏิวัติ: ของจริง หรือสิ่งเทียม

เลือกตั้งเสร็จไม่ทันไร พร้อมกระแสทรัมป์ปฏิวัติ แต่ทีมที่ปรึกษาของทรัมป์กำลังทาบทามนายJamie Dimon ซีอีโอของJP Morgan ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดวอลล์สตรีท และเจ้าของคือพวกตระกูลร็อคดี้เฟลเลอร์

ถ้าข่าวนี้ได้รับการยืนยันเมื่อใด ก็เท่ากับว่าทรั้มป์ปฏิวัติเป็นสิ่งเทียม

คนอเมริกันโดนหลอกอีกแล้ว

นายดีมอนเป็นตัวแทนของคนรวย0.1% คนอเมริกันที่เลือกทรัมป์เป็นประธานาธิบดีคือคนผิวขาวที่ใช้แรงงาน หรืออยู่ชนบทที่ไม่พอใจสภาพเศรษฐกิจและการเมืองที่ผ่านมา โดยเฉพาะสมัยโอบามาที่สร้างความรวยให้คนรวย1% ยิ่งจะรวยขึ้น ส่วนคนหมู่มาก99%เป็นพวกmain streetไม่ได้อะไรเลยจากนโยบายอุ้มแบงค์ของโอบามา

นายดีมอนมาที่คลังจะรักษาผลประโยชน์ของวอลล์สตรีทต่อไป และจะไม่ดำเนินนโยบายการเงินที่จะทำให้คนอเมริกันส่วนใหญ่มีชีวิตที่ดีขึ้น

เขียนยังไม่จบซีรี่ส์เลย ก็ได้ข้อสรุปแล้วว่าทรั้มป์เป็นของปลอม

ซอร์รี่นะคนอเมริกัน ยัวร์ดีโมเกรซี่อีสเดด

thanong
 15/11/2016

[jainu]

มินิซีรี่ส์
 11. ทรั้มป์ปฏิวัติ: ของจริงหรือสิ่งเทียม

เชิญชวนให้คนอเมริกันฟังเพลง"ของปลอม" ของนักร้องลูกทุ่งอมตะ สุรพล สมบัติเจริญ เพื่อหูตาจะได้สว่างขึ้น เพราะว่าทรัมป์เริ่มออกลายแล้ว

https://youtu.be/cnpKzthnzXM

[jainu]

มินิซีรี่ส์
 12. ทรั้มป์ปฏิวัติ: ของจริงหรือสิ่งเทียม

เปิดโผคณะรัฐมนตรีของทรัมป์ ดูรายชื่อแล้ว เหล้าเก่าในขวดใหม่ทั้งนั้น จะคิดใหม่ทำใหม่หรือไม่?

รัฐมนตรีต่างประเทศ
 Bob Corker, Tennessee senator and chairman of the Senate Foreign Relations Committee
 John Bolton, former U.S. ambassador to the United Nations under President George W. Bush
 Newt Gingrich, Republican former U.S. House Speaker
 Zalmay Khalilzad, former U.S. ambassador to Iraq
 Rudy Giuliani, Republican former mayor of New York City

อัยการสูงสุด
 Rudy Giuliani
 Jeff Sessions, senior member of the Senate Judiciary Committee who takes a hard line on immigration
 Chris Christie, Republican New Jersey governor
 Pam Bondi, Republican Florida Attorney General
 Trey Gowdy, Republican congressman from South Carolina who headed the House committee that investigated the 2012 attacks on the U.S. mission in Benghazi, Libya

รัฐมนตรีการคลัง
 Steven Mnuchin, former Goldman Sachs executive and Trump's campaign finance chairman
 Jeb Hensarling, Texas Republican congressman and chairman of the House Financial Services Committee
 Jamie Dimon, JPMorgan Chase & Co chief executive officer
 Tom Barrack, founder and chairman of Colony Capital Inc

รัฐมนตรีกลาโหม
 Lieutenant General Michael Flynn, former director of the Defense Intelligence Agency
 Stephen Hadley, former national security adviser under President George W. Bush
 Jon Kyl, former Republican senator from Arizona
 Jeff Sessions, Republican senator from Alabama and early Trump supporter, member of the Senate Armed Services Committee
 Kelly Ayotte, outgoing Republican senator from New Hampshire and member of the Senate Armed Services Committee
 Duncan Hunter, Republican congressman from California and early Trump supporter, member of House Armed Services Committee
 Jim Talent, former Republican senator from Missouri who was on the Senate Armed Services Committee

รัฐมนตรีสาธารณสุข
 Ben Carson, former neurosurgeon and 2016 Republican presidential candidate
 Newt Gingrich
 Rich Bagger, former pharmaceutical executive and former top aide to New Jersey Governor Chris Christie
 Bobby Jindal, former Louisiana governor

รัฐมนตรีโฮมแลนด์ เซ็คคิวรีตี้
 Michael McCaul, U.S. Republican congressman from Texas and chairman of the House Homeland Security Committee
 David Clarke, Milwaukee county sheriff and vocal Trump supporter
 Joe Arpaio, outgoing Maricopa County, Arizona, sheriff who campaigned for Trump

ผู้อำนวยการองค์การปกป้องสิ่งแวดล้อม
 Myron Ebell, a climate change skeptic at the libertarian Competitive Enterprise Institute who is overseeing environmental policy on Trump's transition team
 Robert Grady, venture capitalist, partner in private equity firm Gryphon Investors
 Leslie Rutledge, Arkansas attorney general
 Carol Comer, commissioner of the Indiana Department of Environmental Management

รัฐมนตรีพลังงาน
 Harold Hamm, Oklahoma oil and gas mogul, CEO of Continental Resources Inc
 Larry Nichols, co-founder of Devon Energy Corp
 James Connaughton, CEO of Nautilus Data Technologies and a former environmental adviser to President George W. Bush
 U.S. Representative Kevin Cramer, of North Dakota
 Robert Grady

รัฐมนตรีดูแลกิจการภายใน
 Sarah Palin, Republican former Alaska governor who ran for vice president in 2008
 Jan Brewer, former Arizona governor
 Forrest Lucas, founder of oil products company Lucas Oil
 Harold Hamm
 Robert Grady

รัฐมนตรีพานิชย์
 Linda McMahon, former world Wrestling Entertainment executive and two-time Senate candidate

ผู้อำนวยการซีไอเอ
 Lieutenant General Michael Flynn
 Mike Rogers, Republican former representative from Michigan who chaired the House Intelligence Committee
 Pete Hoekstra, Republican former representative from Michigan

ที่ปรึกษาสภาความมั่นคง
 Lieutenant General Michael Flynn
 Stephen Hadley

ทูตสหรัฐประจำยูเอ็น

Kelly Ayotte
 Richard Grenell, former spokesman for the United States at the United Nations
 Peter King, Republican representative from New York

ผู้แทนการค้าสหรัฐ
 Dan DiMicco, former chief executive of steel producer Nucor Corp

รัฐมนตรีกิจการทหารผ่านศึก
 Jeff Miller, retiring congressman from Florida and chairman of the Veterans Affairs committee
http://www.zerohedge.com/…/latest-trump-cabinet-short-list-…

thanong
 16/11/2016


มินิซีรี่ส์ แปล
 12. ทรั้มป์ปฏิวัติ: ของจริงหรือสิ่งเทียม

 เปิดโผคณะรัฐมนตรีของทรัมป์ ดูรายชื่อแล้ว เหล้าเก่าในขวดใหม่ทั้งนั้น จะคิดใหม่ทำใหม่หรือไม่?

 รัฐมนตรีต่างประเทศ
 บ็อบ corker, เทนเนสซีวุฒิสมาชิกและประธานของคณะกรรมการวุฒิสภาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
 จอห์นโบลตัน, อดีตกับทูตสหประชาชาติภายใต้ประธานาธิบดีจอร์จดับเบิลยู บุช
 นิวต์ริช, อดีตรีพับลิกันบ้านลำโพง
 Zalmay khalilzad, อดีตเอกอัครราชทูตอิรัก
 รูดี้ giuliani, รีพับลิกันอดีตนายกเทศมนตรีของเมืองนิวยอร์ก

 อัยการสูงสุด
 รูดี้ giuliani
 เจฟวาระสมาชิกอาวุโสของคณะกรรมการวุฒิสภาอำนาจตุลาการผู้ยากบรรทัดบนตรวจคนเข้าเมือง
 คริสคริสตี้, รีพับลิกันผู้ว่าการรัฐนิวเจอร์ซีย์
 แพม bondi, รีพับลิกัน florida อัยการสูงสุด
 Trey gowdy, รีพับลิกันส. ส. จากใต้แคโรไลนาที่มุ่งหน้าไปบ้านที่คณะกรรมการสอบสวนการโจมตีที่ 2012 ในภารกิจของสหรัฐในเบนกาซี, ลิเบีย

 รัฐมนตรีการคลัง
 สตีเว่น mnuchin goldman sachs, อดีตผู้บริหารและ trump หาเสียงของประมุขการเงิน
 Jeb hensarling, เท็กซัสรีพับลิกันส. ส. และท่านประมุขของบ้านคณะกรรมการบริการทางการเงิน
 เจมี่ dimon, เจพีมอร์แกนเชส & co หัวหน้าฝ่ายบริหาร
 ทอม barrack, ผู้ก่อตั้งและประธานของอาณานิคมเมืองหลวง inc

 รัฐมนตรีกลาโหม
 พลโทไมเคิลฟลินน์อดีตผู้อำนวยการของหน่วยข่าวกรอง
 สตีเฟนผเรื่องการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ, อดีตปรึกษาภายใต้ประธานาธิบดีจอร์จดับเบิลยู บุช
 จอน kyl, อดีตรีพับลิกันวุฒิสมาชิกจากอริโซน่า
 เจฟวาระรีพับลิกันวุฒิสมาชิกจากอลาบาม่าและแต่เช้า trump ผู้สนับสนุน, สมาชิกของคณะกรรมการวุฒิสภาบริการติดอาวุธ
 เคลลี่ ayotte, วุฒิสมาชิกรีพับลิกันที่ส่งออกไปจากนิวแฮมป์เชอร์และสมาชิกของคณะกรรมการวุฒิสภาบริการติดอาวุธ
 ดันแคนนักล่าส. ส. พรรครีพับลิกันจากแคลิฟอร์เนียและแต่เช้า trump ผู้สนับสนุน, สมาชิกของคณะกรรมการบ้านบริการติดอาวุธ
 จิมพรสวรรค์, อดีตรีพับลิกันวุฒิสมาชิกจากรัฐมิสซูรีใครอยู่ในคณะกรรมการวุฒิสภาบริการติดอาวุธ

 รัฐมนตรีสาธารณสุข
 เบนคาร์สันอดีตศัลยแพทย์ประสาทและ 2016 รีพับลิกันชิงตำแหน่งประธานาธิบดี
 นิวต์ริช
 รวยขุม, อดีตผู้บริหารบริษัทผลิตยาและอดีตผู้ช่วยยอดนิยมที่นิวเจอร์ซีย์ผู้ว่าคริสคริสตี้
 บ็อบบี้ jindal, อดีตผู้ว่าการรัฐหลุยเซียน่า

 รัฐมนตรีโฮมแลนด์ เซ็คคิวรีตี้
 ไมเคิล mccaul, สหรัฐอเมริการีพับลิกันส. ส. จากเท็กซัสและท่านประมุขของบ้านคณะกรรมการกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ
 เดวิดคลาร์กมิลวอกีเคาน์นายอำเภอและโวคัล trump ผู้สนับสนุน
 โจ arpaio พบปะผู้คน maricopa county, แอริโซน่า, นายอำเภอผู้รณรงค์ trump

 ผู้อำนวยการองค์การปกป้องสิ่งแวดล้อม
 ไมรอน ebell, มีการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสงสัยในการแข่งขันแบบอิสรนเอนดูแลสถาบันที่เป็นนโยบายสิ่งแวดล้อมในการเปลี่ยนทีมทรัมพ์
 โรเบิร์ตเกรดี้, คู่หูนักลงทุนลงทุนในหุ้นบริษัทเอกชน gryphon นักลงทุน
 เลสลีท, รัฐอาร์คันซออัยการสูงสุด
 แครอลมาแรง, หัวหน้ากรมแห่งอินเดียนากระทรวงการจัดการสิ่งแวดล้อม

 รัฐมนตรีพลังงาน
 แฮโรลด์จอม, oklahoma น้ำมันและก๊าซ๋, ceo ของทวีปทรัพยากร inc
 แลร์รีนิโคล, ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทพลังงานของเดวอน
 เจมส์ connaughton, ceo ของข้อมูล nautilus เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อมเพื่อปรึกษาอดีตประธานาธิบดีจอร์จดับเบิลยู บุช
 ตัวแทนของสหรัฐวินคราเมอร์, ของ north dakota
 โรเบิร์ตเกรดีไซ

 รัฐมนตรีดูแลกิจการภายใน
 ซาร่าห์พาลินรีพับลิกันอดีตผู้ว่าการรัฐอลาสก้าที่วิ่งสำหรับรองประธานาธิบดีใน 2008
 ยัน brewer, อดีตผู้ว่าการรัฐอริโซน่า
 Forrest ลูคัส, ผู้ก่อตั้งบริษัทน้ำมันของผลิตภัณฑ์น้ำมันลูคัส
 จอมแฮโรลด์
 โรเบิร์ตเกรดีไซ

 รัฐมนตรีพานิชย์
 ลินดาแม็กแมน, อดีตผู้บริหารมวยปล้ำเพื่อความบันเทิงและเวลาสองผู้สมัครวุฒิสภา

 ผู้อำนวยการซีไอเอ
 พลโทไมเคิลฟลินน์
 ไมค์โรเจอร์รีพับลิกันตัวแทนเก่าจากมิชิแกนผู้ประธานคณะกรรมการหน่วยสืบราชการลับบ้าน
 พีท hoekstra, รีพับลิกันตัวแทนเก่าจากมิชิแกน

 ที่ปรึกษาสภาความมั่นคง
 พลโทไมเคิลฟลินน์
 สตีเฟนผเรื่อง

 ทูตสหรัฐประจำยูเอ็น

 เคลลี่ ayotte
 ริชาร์ด grenell, อดีตโฆษกของสหรัฐอเมริกาที่สหประชาชาติ
 ปีเตอร์ king, ตัวแทนพรรครีพับลิกันจากนิวยอร์ค

 ผู้แทนการค้าสหรัฐ
 แดน dimicco, อดีตหัวหน้าฝ่ายบริหารของโปรดิวเซอร์เหล็ก nucor corp

 รัฐมนตรีกิจการทหารผ่านศึก
 เจฟมิลเลอร์, จะเกษียณส. ส. จากฟลอริด้าและประธานของคณะกรรมการกิจการทหารผ่านศึก
http://www.zerohedge.com/news/2016-11-15/latest-trump-cabinet-short-list-its-knife-fight

 ทนงพิ
 16/11/2016

[jainu]

มินิซีรี่ส์
 13. ทรั้มป์ปฏิวัติ: ของจริงหรือสิ่งเทียม

ข่าวจาก The Navy Timesรายงานว่าทรั้มป์เตรียมการสร้างกองทัพเรือที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกรที่สุดในรอบหลายทศวรรษที่ผ่านมา

โดยนัยนะทรั้มป์เดินตามกรอบของพ่อค้าอาวุธและเพนตากอยู่military industrial complex หมายความว่างบทหารจะไม่ลด ทรัมป์จะเดินหน้าสร้างแสนยานุภาพของกองทัพสหรัฐต่อไป

ส่วนเม็ดเงิน$1ล้านล้านที่จะลงทุนโครงสร้างพื้นฐานใน10ปีข้างหน้าที่จะเป็นประโยชน์ต่อคนอเมริกันจริงๆจะมาจากไหนค่อยว่ากันอีกที

หนึ่งในข้อพิสูจน์ว่าทรั้มป์เป็นสิ่งเทียม

Thanong
 16/11/2016

[jainu]

มินิซีรี่ส์
 14. ทรั้มป์ปฏิวัติ: ของจริงหรือสิ่งเทียม

ทรัมป์อลเวง โดนจับผิดทุกฝีก้าว

อ่านข่าว:

โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯในวันพุธ(16พ.ย.) ระดมพายุทวิตตอบโต้กลับข่าวลือที่ว่าทีมเปลี่ยนผ่านของเขาตกอยู่ในความยุ่งเหยิง และปฏิเสธรายงานข่าวที่อ้างว่าเหล่าผู้นำต่างชาติประสบปัญหาในการต่อโทรศัพท์ถึงเขา เช่นเดียวกับกรณีที่มีคำครหาว่าพยายามเอาสมาชิกครอบครัวเข้ามาบริหารประเทศ

รายงานของนิวยอร์กโพสต์ระบุว่ากลุ่มคนวงในของว่าที่ประธานาธิบดีไม่ได้มีการเตรียมตัวมาก่อน ทั้งที่พวกเขาต้องทำภารกิจสำคัญในการคัดสรรบุคคลที่จะมาอยู่ในคณะรัฐมนตรีตลอดจนตำแหน่งสำคัญต่างๆในคณะบริหารชุดใหม่แทนคณะบริหารที่กำลังพ้นตำแหน่งของประธานาธิบดีบารัค โอบามา

หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ยังรายงานด้วยว่าเหล่าผู้นำต่างประเทศประสบปัญหาต่อสายสุ่มสี่สุ่มห้าของอาคารทรัมป์ ทาวเวอร์ สำนักงานของมหาเศรษฐีรายนี้ ในความพยายามพูดคุยกับเขา คำกล่าวอ้างที่นายทรัมป์ปฏิเสธโดยสิ้งเชิง"

"ผมได้รับโทรศัพท์จากผู้นำต่างชาติจำนวนมาก แม้มีรายงานข่าวผิดพลาดจากนิวยอร์กไทม์ส" ตัวแทนรีพับลิกันทวิตถึงผู้ติดตาม 15 ล้านคน "รัสเซีย สหราชอาณาจักร จีน ซาอุดีอาระเบีย ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์และอื่น พวกเขาเข้าถึงผมได้เสมอ" เขากล่าว "นิวยอร์กไทม์สอารมณ์เสีย เพราะรายงานข่าวของพวกเขาเกี่ยวกับผม ทำให้พวกเขาดูเหมือนคนโง่ "

หนึ่งสัปดาห์หลังจากทรัมป์ได้รับชัยชนะในศึกเลือกตั้ง มีข่าวลือแพร่สะพัดว่าการเปลี่ยนผ่านอำนาจประธานาธิบดีต้องพบอุปสรรคจากการทะเลาะวิวาทและการแทงข้างหลังของคนวงใน ขณะที่เขาเตรียมเข้ารับอำนาจในอีก 9 สัปดาห์ข้างหน้า

อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ โวยวายผ่านทวิตเตอร์ ปฏิเสธข่าวลือที่ว่ามีความไม่ลงรอยกันภายในคณะทำงานของเขา "กระบวนการเป็นไปอย่างมีระบบมาก และผมเป็นผู้ตัดสินใจคณะรัฐมนตรีและตำแหน่งอื่นๆมากมาย" เขาเขียนในช่วงค่ำวันอังคาร(15พ.ย.) และเยาะเย้ยการคาดการณ์ของสื่อมวลชนเกี่ยวกับตัวเต็งในตำแหน่งสำคัญๆ "ผมเป็นคนเดียวที่รู้ว่าใครอยู่ในรายชื่อสุดท้าย"

สื่อมวลชนสหรัฐฯหลายฉบับรายงานว่านายรูดี จูเลียนี อดีตนายกเทศมนตรีนครนิวยอร์ก เป็นตัวเต็งที่จะได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ ส่วนจอห์น โบลตัน อดีตประจำยูเอ็นและอดีตนายพลเกษียณอายุจากกองทัพสหรัฐฯ ไมเคิล ฟลินน์ ติดอยู่ในรายชื่อที่จะได้นั่งเก้าอี้สำคัญๆ

ทรัมป์ ยังปฏิเสธรายงานข่าวของสื่อมวลชนที่ระบุว่าเขาพยายามขอ “ซีคิวริตีเคลียร์แรนซ์” (security clearance) หรือการเข้าถึงชั้นความลับอเมริกา ให้กับลูกของตัวเอง และรวมไปถึงลูกเขย จาเรด คุชเนอร์(Jared Kushner) ทั้งๆที่ไม่มีตำแหน่งตามกฎหมายสหรัฐฯ เหมือนต้องการเอาสมาชิกครอบครัวเข้ามาบริหารอเมริกา

"ผมไม่ได้ข้อการเข้าถึงชั้นความลับสุดยอดแก่ลูกๆของผม นี่เป็นข่าวที่มั่วสิ้นดี" ทรัมป์ทวิต ทั้งนี้สื่อมวลชนระบุว่าการขอซีคิวริตีเคลียร์แรนซ์ให้ คุชเนอร์ มีเป้าหมายเพื่อให้เขาสามารถเข้าร่วมรับฟังรายงานสรุปประจำวันของประธานาธิบดี

วอชิงตันโพสต์รายงานว่า คุชเนอร์ ได้ปลดสมาชิกทีมงานเปลี่ยนผ่านหลายคนที่ถูกหาว่าเกี่ยวข้องกับ คริส คริสตี ผู้ว่าการรัฐนิวเจอร์ซีย์ ที่เพิ่งถูกลดชั้นในวันศุกร์(11พ.ย.) หลังทรัมป์ปรับทีมงานเปลี่ยนผ่านและแต่งตั้ง เพนซ์ เข้ามาทำหน้าที่แทน

คุชเนอร์ เป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่มีประสบการณ์ทางการเมืองมากไปกว่าบทบาทคนที่ได้รับความไว้วางใจจากทรัมป์ ระหว่างการรณรงค์หาเสียง
http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx…

thanong
 17/11/2016
 บรรยายภาพ: โดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์(ซ้าย) และเอริค ทรัมป์(ขวา) ลูกชายของโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังเดินอยู่ในอาคารทรัมป์ ทาวเวอร์ เมื่อวันจันทร์(14พ.ย.) ขณะที่บิดาของอยู่ระหว่างกระบวนการสรรหาคณะรัฐมนตรี ท่ามกลางคำครหาว่า ทรัมป์ ผู้พ่อ พยายามเอาสมาชิกครอบครัวเข้ามาบริหารประเทศ

[jainu]

มินิซีรี่ส์
 15. ทรั้มป์ปฏิวัติ: ของจริงหรือสิ่งเทียม

ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอีบอกว่า ทรัมป์ชนะก็งั้นๆ ใครมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐก็เหมือนกันหมด คือมีความเป็นปีศาจที่ต้องการทำลายอิหร่านเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา37ปีให้หลัง

อ่านข่าว:

อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน กล่าวในวันพุธ(26พ.ย.) ว่าผลของศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯที่ออกมา ไม่ก่อความแตกต่างต่อประเทศของเขา แม้ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีจุดยืนที่้ก้าวร้าวก็ตาม

"เราไม่ได้ตัดสินจากศึกเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะยังไง อเมริกาก็ยังเป็นอเมริกาเดิมๆ" เขาบอกกับประชาชนหลายพันคนระหว่างปราศรัยต่อสาธารณะในเตหะรานและมีการออกอากาศผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งรัฐ "ในช่วง 37 ปีหลัง ไม่ว่าพรรคไหนอยู่ในตำแหน่งก็ไม่เคยทำดีกับเรา และปีศาจร้ายของพวกเขายังคงพุ่งตรงมาที่เราเสมอ"

นับเป็นปฏิกริยาแรกของผู้นำสูงสุดของอิหร่านต่อนายทรัมป์ ซึ่งระหว่างการหาเสียงได้ตราหน้าข้อตกลงนิวเคลียร์ระหว่างเตหะรานกับชาติมหาอำนาจเมื่อปีที่แล้วว่า "หายนะ" และขู่จะฉีกมันทิ้ง

"เราไม่ได้โศกเศร้าหรือเฉลิมฉลอง เพราะสำหรับเราแล้ว มันก็ไม่ได้ต่างกัน" คาเมเนอีกล่าว "เราไม่รู้สึกกังวล ขอบคุณพระเจ้า เราต้องพร้อมเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ต่างๆที่อาจเกิดขึ้น"

คาเมเนอี ยกตัวอย่างเหตุเผชิญหน้าอันเผ็ดร้อนกับรัฐบาลต่างๆของสหรัฐฯ ในนั้นรวมถึงกรณีเรือยูเอสเอส วินเซนส์ ยิงเครื่องบินโดยสารของสายการบินอิหร่านแอร์ตกในปี 1988 คร่าชีวิตผู้คน 290 ศพ

เตหะรานและวอชิงตันไม่มีความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการนับตั้งแต่ปี 1980 เมื่อนักศึกษาอิสลามิสต์บุกเข้าไปในสถานทูตสหรัฐฯและจับเจ้าหน้าที่เป็นตัวประกันนานกว่า 444 วัน

การต่อต้านอเมริกายังเป็นแก่นกลางนโยบายต่างประเทศของอิหร่าน แม้บรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์กันเมื่อปีที่แล้ว
http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx…

thanong
 17/11/2016