Forex-Currency Trading-Swiss based forex related website. Home ----- กระดานสนทนาหน้าแรก ----- Gold Chart,Silver,Copper,Oil Chart ----- gold-trend-price-prediction ----- ติดต่อเรา
หน้า: 1 ... 29 30 [31] 32 33   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ชวนกันเข้าครัว  (อ่าน 80060 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #450 เมื่อ: ตุลาคม 10, 2013, 05:23:18 PM »

วิธีทำสละลอยแก้ว

วิธีทำสละลอยแก้ว


วันนี้มาเสนอของหวานด้วยผลไม้ไทย ๆ ที่รสชาติเปรี้ยว ๆ หวาน
ที่เห็นก็คือ สละ คุณประโยชน์ของสละมีมากมายเลยคะ ทั้งวิตามินซี แคลเซี่ยม และฟอสฟอรัสเพื่อน ๆ คงจะเห็นนะคะ ว่าลงสูตรการทำลอยแก้วไว้แล้วยังจะเอามาลงอีก เลยขออธิบายเพิ่มหน่อยนะคะ ว่า การทำลอยแก้วของผลไม้แต่ละชนิดไม่เหมือนกัน ต้องดูลักษณะของผลไม้นั้นด้วยคะ เท่าที่ทำมาทั้งลูกตาล กระท้อน ก็มีวิธีที่ไม่เหมือนกัน สละนี่ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีคะ อย่างพวกเงาะ ส้ม มะปราง ลำไย นั้นเวลาทำลอยแก้วไม่ต้องใช้เทคนิคมากมายแค่ปอกเปลือกเอาน้ำเชื่อมใส่ ก็เป็นลอยแก้ว หรือหวานเย็นได้แล้ว

ยัยคนนี้เอาอะไรมาเนี่ย ยั่วกันจริง ๆ ....แหมก็ทำแล้วมันอร่อยนี่คะ ก็เลยอดใจไม่ไหวเอาสูตรมาฝากซะหน่อย เพราะไม่ยากจริง ๆ มีทั้งวิธีปอกเปลือกที่แสนง่าย วิธีกว้านเม็ด ที่แสนสนุก ตามมาดูกัน กลเม็ดเคล็ดไม่ลับบอกกันแบบหมดไส้ หมดพุง ไม่มีกั๊ก อิอิ

ถ้าพร้อมกันแล้ว ก็เตรียมตัวได้เลยนะคะ มือขวาถือมีด มือซ้ายส้อมไว้จิ้มชิมรสกันก่อนนะคะ







ส่วนผสม

1. สละ 1 กิโล ครึ่ง

2. น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง

3. น้ำเปล่า 2 ถ้วยตวง

4. เกลือ 1-2 ช้อนชา

ขั้นเตรียมการ

ก่อนอื่นเราคงรู้กันนะคะ ว่าลูกสละนั้น มีหนามแหลมมาก เวลาจะปอกเปลือกก็ต้องฝ่าขวากหนามถึงจะได้อร่อยสมใจ






เรามาดูวิธีกำจัดเสี้ยนหนาม กันก่อนนะคะ เริ่มจากแกะลูกสละออกจะพวงก่อน เอาใส่ตะกร้าพลาสติก ไว้แบบนี้คะ

ทีนี้ก็จัดการเช็ค ๆๆๆๆๆๆ เอ๊ย......เขย่า ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ให้เสี้ยนหนามที่มันคอยทิ่มแทงหัวใจ ทิ่มแทง เอ๊ย ..สีกันเอง แล้วหลุดลอดช่องว่างของตะกร้าออกไปให้หมดก่อน





ทีนี้เราก็จะได้ลูกสละไร้เสี้ยนหนามแล้ว เห็นไหมง๊าย ง่าย






จัดการปอกเปลือกแบบสบายมือกันได้เลยคะ





เริ่มขั้นตอนคว้าน

ใช้ปลายมีดเสียบเข้าด้านขั้วของลูกสละก่อน เริ่มจากด้านแบนที่เนื้อบางติดเมล็ด ให้ปลายมีดลึกประมาณครึ่งนึง เลยกึ่งกลางเมล็ดไปเล็กน้อย ค่อย ๆ หมุนมีดแล้วเลาะเนื้อออกจากเมล็ด จนครบรอบ






ทีนี้ก็กลับด้านเอามีดเสียบ แล้วก็หมุนๆๆ จนครบรอบ





แล้วก็เอาปลายมีด หรือไม้แหลม ๆ ดันเข้าทางขั้วของลูก เพื่อเอาเมล็ดออกแค่นี้ก็เรียบร้อย






ปอกสละแกะเม็ดออกให้เรียบร้อย ล้างด้วยน้ำเปล่าให้สะอาด เอาขึ้นไว้ให้สะเด็ดน้ำ





ส่วนถ้วยนี้ ใครจะเอาไปดูดเล่นก็ได้นะคะ คริ คริ






- ผสมน้ำตาลทรายกับน้ำสะอาด ตั้งไฟ พอเดือดยกลง ขั้นตอนนี้ไม่ได้ถ่ายภาพคะ

วิธีทำที่ 1 เก็บไว้กินได้นาน ๆ

- พอน้ำเชื่อมเดือดใส่สละที่เตรียมไว้ ใส่เกลือเล็กน้อย ชิมรสให้ได้ตามต้องการ





- ต้มพอเดือดอีกครั้ง






ยกลงทิ้งไว้ให้เย็น เสริฟใส่น้ำแข็ง หรือนำเข้าตู้เย็น

เสร็จแล้วคะ ถ้วยนี้เป็นวิธีที่ 1 ถ้าใครชอบแบบเนื้อสละนิ่ม ๆ หน่อย




วิธีทำที่ 2 แบบลวก เรียกให้หรูๆก็ต้องบอกว่าพาสเจอร์ไรส์

- เอาลูกสละลงเรียงใส่กล่องรอไว



เอาน้ำเชื่อมที่เดือดแล้ว ใส่เกลือนิดหน่อย กำลังร้อน ๆ นะคะ เทใส่ในกล่อง ให้น้ำพอท่วมเล็กน้อย



รีบปิดฝา ลงแช่น้ำเย็นทันที พอน้ำในกะละมังร้อน เราก็เปลี่ยนน้ำ ประมาณ 2 หนคะ



ถ้วยนี้วิธีที่ 2 เนื้อจะกรอบ สีสวยกว่า วิธีแรกคะ

โดยส่วนตัวชอบวิธีนี้มากกว่า เพราะได้เนื้อสละที่กรอบ ยิ่งเอาแช่ช่องฟิต ให้แข็ง ก่อนทานเอาออกมาวางข้างนอกแป๊ปนึง อร่อยมาก ๆ ทำไว้เป็นอาทิตย์รสชาติยังไม่เปลี่ยนเลยคะ




เคยทานที่ร้านอาหาร เค้าใส่ถ้วยนิดเดียวในนั้นมี 4 ลูก ถ้วยละ 25 บาท ทำทานเองสะใจจริง ๆ ซื้อสละมาโลละ 30 บาท ได้เยอะแยะเลยคะ แถมรสชาติ เปรี้ยวหวานถูกใจจริง ๆ

ทำเสร็จพอน้ำเชื่อมเย็นแล้ว เอาเข้าช่องฟิตให้เป็นน้ำแข็งเลยนะคะ มันจะไม่แข็งมาก เพราะในน้ำเชื่อมมีน้ำตาลเป็นส่วนผสม เวลาทานเอาออกมาวางในอุณหภูมิห้องสักพัก ก็ทานได้อร่อยแล้วคะ




ขอขอบคุณข้อมูล จาก www.bloggang.com
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #451 เมื่อ: พฤศจิกายน 12, 2013, 11:32:32 AM »

เต้าคั่ว

 มารู้จัก เต้าคั่ว หรือสุราษฎร์ เรียก ผักบุ้งไต่ราว
ส่วนผสม ประกอบด้วยผักบุ้ง ถั่วงอก เต้าหู้ กุ้ง แป้งโกกิ หมูแดงติดมัน หูหมู เส้นหมี่ พริกสด น้ำส้มสายชู น้ำตาลทราย น้ำตาลปี๊บ ถั่วง
วิธีทำ
1. ลวกผักบุ้งกับถั่วงอก หั่นแตงกวาเป็นแว่น หั่นครึ่งไข่ต้มยิ่งเป็นไข่ยางมะตูมอร่อยมาก
2. นำเต้าหู้มาทอดพอเหลืองยกลง แล้วนำกุ้งสดมาชุบแป้งโกกิ ทอดในน้ำมันให้เหลืองกรอบ เนื้อหมูกะหูหมูลวกให้สุก
3. เส้นหมี่นำมาลวกพอนิ่ม เอาขึ้นพักไว้
4. เคี่ยวน้ำตาลทรายผสมน้ำตาลปี๊บจะได้เป็นน้ำเชื่อมเต้าคั่ว
5. น้ำจิ้ม นำพริกสดตำใส่น้ำส้มสายชู เป็นพริกน้ำส้ม

ส่วนผสมทั้งหมดเวลาจะรับประทานให้นำเส้นหมี่มาใส่จาน ใส่แตงกวา ถั่วงอก ผักบุ้งที่เตรียมไว้วางบนเส้นหมี่ ใส่กุ้งทอด เต้าหู้ทอดและไข่วางลงไป(โดยผ่าซีกจะดูสวยดี) แล้วราดด้วยน้ำเชื่อม โรยถั่วง คลุกให้เข้ากัน เวลารับประทานใส่พริกน้ำส้ม รสชาดเปรี้ยว หวานพอดี












เต้าคั่ว

ส่วนผสม   

 เส้นหมี่ขาวลวก     140      กรัม     

หมูต้มสุกหั่นบางๆ   20      กรัม     

ไข่ต้ม  49      กรัม   

 ถั่วงอกลวก     41      กรัม     

ผักบุ้งหั่นเป็นท่อนเล็กๆลวก 32       กรัม     

แตงกวาหั่นบางๆ     49   กรัม     

เต้าหู้ขาวชนิดแข็งทอด    27       กรัม

ส่วนผสมกุ้งทอด     

กุ้งขนาดเล็ก   20        กรัม     

แป้งข้าวเจ้า    6       กรัม   

 น้ำปูนใส           29     กรัม     

เกลือ    1       กรัม

วิธีทำกุ้งทอด     

1. นำแป้งข้าวเจ้า  น้ำปูนใส  เกลือ ผสมให้เข้ากัน   

 2. นำกุ้งชุบแป้งที่เตรียมไว้     

ส่วนผสมน้ำจิ้ม     

น้ำตาลปีบ 100      กรัม     

น้ำ    100      กรัม   

 น้ำส้มสายชู      19      กรัม     

เกลือ       4    กรัม     

พริกแห้งเม็ดใหญ่       1    กรัม     

กระเทียมซอย       8   กรัม   

 น้ำปลา    11  กรัม   

 ถั่วงคั่วบุบ     77  กรัม

วิธีทำ

1.    ผสมพริกชี้ฟ้าโขลกกับน้ำตาลปีบ น้ำ น้ำส้มสายชู เกลือ เคี่ยวด้วยไฟอ่อนให้ข้นเป็นยางมะตูม

2.    ยกลงพักให้เย็น ใส่ถั่วง

น้ำหนัก:รวม 388 กรัม รับประทานได้ 4 คน 



เวลากิน คลุกให้ทั่ว แล้วเอาเข้าปาก เคี้ยวแล้วกลืน 555 หรอย....
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #452 เมื่อ: ธันวาคม 20, 2013, 10:20:52 PM »

พล่าปลาหมึก


ส่วนผสม


-ปลาหมึก 3 ตัว ตัวขนาดฝ่ามือวัดพร้อมหนวดก่ะเอาสักครึ่งโลได้ เลือกที่ตาใสๆๆ ไม่เหม็น ตัวไม่ผอมหรือแห้ง อย่าเลือกตาแตก ตาโบ๋
-หอมทอดกรอบ 2 ช้อนโต๊ะ มีขายสำเร็จแล้ว เก็บไว้ได้นานน้ะ
-หอมแดงสอย  3-4 หัว สอยบางๆ สั้นๆ
-ใบสาระแหน่ ล้างให้สะอาด พึ่ง สะเด็ดน้ำ  ใส่ให้หอม สวยงาม เหมือนคนทำ อิ อิ
-ตะไคร้ สัก 5-8 ต้น ลอกออกจนอ่อน ซอยๆบางๆ
-ถั่วง หรือ อัลมอนล์ หรือ เม็ดมะม่วงหิมพาน ถ้าเขียนผิด เดี๋ยวมาแก้น้ะ เลือกตามฐานะ
-น้ำปลา หรือจะใส่เป็น ซอลซีอิ๋วขาว สูตร1
-มะนาว สัก 2-3 ลูก เอาไว้ดับคาวปลาหมึกด้วย
-เกลือ เล็กน้อย
-พริกแห้งเม็ดเล็ก แล้วแต่ชอบเผ็ดไม่เผ็ด 5-8 เม็ด ล้างให้สะอา
-น้ำพริกเผา เลือก หวานหอม เผ็ดกลางๆๆ ดมก็รู้น้ะ


วิธีล้างปลาหมึก
ล้างน้ำก่อนสัก 2 ครั้ง ลอกเปลือกมัน พร้อมเอาตามันออก อย่าให้หมึกมันแตก ทำบ่อยๆจะรู้เอง ตัดให้กว้างๆหน่อย อย่าลืมเอาปากมันออกด้วย อยู่ตรงกลางหนวด ใช่ไหมเน้อ ล้างน้ำเกลือ สเด็ดน้ำ บีบมะนาวลงไปคลุกให้เท่าเบาๆ ทิ้งไว้ไปทำอย่างอื่นต่อ / ดับกลิ่นคาว แต่ เปลืองมะนาวเน้อะ หน้ามะนาวแพงก็อย่าไปกินมันเลย

วิธีทำ

-หาชามใหญ่ มาใส่ ตะไคร้สอยและหอมแดงซอย ใส่พริกแห้ง ฉีกมันครึ่งๆ รอก่อน
-เอาน้ำใส่หม้อต้ม หันมาหั่นปลาหมึกที่ตาโบ๋แล้วไร้ปาก อิ อิ น้ำต้องเดือดน้ะต่ะเอง โรยเกลือลงไปหน่อย ใส่ปลาหมึกลงไป ตอนน้ำ เดือด  นับ1-15 พอ อย่าเร็วและอย่าช้า ดับไฟ ตักขึ้นมาสเด็ดน้ำ ทำแบบนี้ปลาหมึกไม่เหนียว
-นำปลาหมึกร้อนๆใส่ในชามตะไคร้ และหอมแดง พริกแห้ง ที่รออยู่ ความร้อนทำให้ทุกอย่างมันสุก นิดๆ
-ใส่น้ำพริกเผา สัก2-3 ช้อนโต๊ะ คลุก โดยใช้กำลังภายในหน่อย มันจะเสร็จไหมเนี่ย
-บีบมะนาว คลุกก่อน แล้วชิม ชอบแบบไหน เอา สองรส หวานน้ำพริเผากับเปรี๊ยวมะนาว พอได้แล้ว จะ ใส่ซอลสูตร 1 ตามชอบ
-ได้ คลุกเคล้า แล้ว ชิม สามรสไหม? โรยถั่วตามฐานะลงไป ต่อด้วยหอมแดงกรอบ โรยตัวด้วยสาระแหน่ โรยให้สวยน้ะ
-ชิม ครบหวาน มัน เค็ม เผ็ด ไหม ที่ไม่ให้ใส่น้ำปลา บางทีมันคาวน้ำปลา สู้ใส่เป็นเกลือดีสุด หรือซอล สูตร1 ลองดู
-ไม่จำเป็นต้องใส่น้ำตาลเลย เห็นไหม ประหยัด ตายช้าลงด้วย

ปล.ไม่มีรูปเพราะเอาไปกินหมดแล้ว

บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #453 เมื่อ: มีนาคม 05, 2014, 09:45:27 PM »



เวลาเจ้าตัวน้อยกลับจากโรงเรียน คุณแม่ลองทำของหวาน อย่าง "ไอศครีม"อทานเล่นง่ายๆ ที่ได้รสชาติ วิตามินจากผลไม้สดๆ ดูซิคะ รับรองเจ้าตัวเล็กต้องเรียกร้องให้ทำบ่อยๆ แน่นอนเลยคะ เพราะเป็นไอศครีมที่ไม่เหมือนใครละคะ
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #454 เมื่อ: มีนาคม 05, 2014, 10:32:47 PM »

 Grinsalmon :Smiley


ส่วนผสม
• เนื้อปลาแซลมอนสด 2 ขีด

ส่วนผสมน้ำจิ้มซีฟู้ด

• พริกขี้หนู 20 เม็ด
• กระเทียมสด 10 กลีบ
• รากผักชี 2 ราก
• น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
• น้ำปลา 5 ช้อนโต๊ะ
• น้ำมะนาว 8 ช้อนโต๊ะ
• น้ำซุปไก่ 2 ช้อนโต๊ะ
• หัวไชเท้าและแครอทขูดฝอย 1 ช้อนโต๊ะ
• ใบสะระแหน่ 5 - 6 ใบ
• พริกชี้ฟ้าแดง 1 เม็ด สำหรับตกแต่งจาน


วิธีทำ1. นำเนื้อปลาแซลมอนที่แช่แข็งไว้ออกมาหั่นเป็นชิ้นขนาดความหนาประมาณครึ่งเซนติเมตร มาหั่นเรียงไว้ในจาน

2. จัดการกับน้ำจิ้มซีฟู้ดที่จะช่วยให้แซลมอนเกิดอาการจี๊ดจ๊าด โดยการเอาพริกขี้หนู กระเทียม และรากผักชีไปปั่นหรือตำให้ละเอียด แล้วนำมาปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำมะนาว น้ำตาล และเพิ่มรสชาติกลมกล่อมให้กับน้ำจิ้มซีฟู้ดด้วยน้ำซุปไก่

3. นำน้ำจิ้มซีฟู้ดที่ได้นี้มาราดลงบนแซลมอนที่จัดวางไว้ในจาน จัดแต่งจานให้สวยงามด้วยเครื่องเคียงอย่างหัวไชเท้าและแครอทขูดฝอย กระเทียมสด และพริกชี้ฟ้าแดง โรยหน้าด้วยใบสะระแหน่ก็เป็นอันเสร็จ กลายเป็นแซลมอนจี๊ดจ๊าดที่เป็นกับแกล้มได้อย่างดีทีเดียวเลยละ

ที่มา - happyfoodathome.blogspot.com
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #455 เมื่อ: มีนาคม 09, 2014, 08:08:55 PM »

น้ำพริกเผากากหมู


ส่วนผสม

กากหมูเจียวใหม่ๆ 1 ถ้วยตวง

พริกขี้หนูแห้งคั่ว 100 กรัม

หอมแดงเผา 10 หัว

กระเทียมเผา 10 หัว

น้ำส้มสายชูหรือน้ำมะนาว 5 ช้อนโต๊ะ (เพิ่มหรือลดตามชอบ)

น้ำมันหมูหรือน้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ

น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ

น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ

น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ

เกลือป่น

1 ช้อนโต๊ะ





วิธีทำ

1. โขลกพริกขี้หนูแดงแห้งคั่วให้ละเอียด ถ้าต้องการให้ละเอียดเร็วขึ้นให้ใส่เกลือโขลกพร้อมกัน

2. ใส่หอมเผา กระเทียมเผา โขลกให้เข้ากัน

3. ใส่กากหมูเจียวใหม่ๆ ลงโขลกรวมกันจนเข้ากันดี

4. ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ น้ำตาลทราย น้ำปลา น้ำส้มสายชู หรือจะใส่น้ำมะนาวแทนก็ได้

5. นำกระทะตั้งไฟใส่น้ำมันหมู ถ้ากลัวอ้วนใส่น้ำมันพืชแทน หรือไม่ใส่ก็ได้ เพราะในกากหมูก็มีน้ำมันอยู่แล้ว นำส่วนผสมทั้งหมดลงผัดให้หอม ชิมดู ให้เปรี้ยวนำเล็กน้อย


ใช้คลุกข้าวร้อนๆ รับประทานกับผักต่างๆ จะเป็นผักสดหรือผักต้มก็ได้ นอกจากรับประทานกับข้าวแล้วยังใช้ผัดกับผักต่างๆ หรือเก็บใส่ขวดโหลปิดให้สนิดไว้รับประทานได้นานหรือเก็บในตู้เย็น


บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #456 เมื่อ: มีนาคม 09, 2014, 08:25:07 PM »

เห็ดหอมทอดซีอิ้ว




วิธีทำ

นำเห็ดหอมสดมาหั่นครึ่ง หมักด้วยซีอิ้วขาวและพริกไทย
ทอดในน้ำมันร้อนกลางๆ จนสุก ทานกับข้าวสวยร้อนๆอร่อยค่ะ
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #457 เมื่อ: มีนาคม 09, 2014, 08:28:41 PM »

ผัดหมี่ซั่ว




ส่วนประกอบ

-หมี่ซั่ว 1 ห่อ 400 กรัม
-ถั่วงอก 1 ถ้วยตวง
-ต้นหอม ¼ ถ้วยตวง
-แครอทหั่นเป็นเส้น ¼ ถ้วยตวง
-เห็ดหอมแช่น้ำหั่นเป็นเส้น ¼ ถ้วยตวง
-น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ
-ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
-คนอร์อร่อยชัวร์ 1 ช้อนชา
-น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา
-เนื้อหมูหั่นชิ้นบางพอคำ 100 กรัม
-กระเทียมสับ 2 ช้อนโต๊ะ
-น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ
-พริกไทยป่นตามชอบ


วิธีทำ

นำหมูมาหมักกับน้ำมันหอย กระเทียม และพริกไทย และคนอร์อร่อยชัวร์เล็กน้อย พักไว้
ลวกเส้นหมี่ซั่วจนสุกแต่อย่าให้เละ เทใส่กระชอน แล้วล้างด้วยน้ำเย็น (เพราะเส้นหมี่เค็ม) ทิ้งไว้ให้สะเด็ดน้ำ
ตั้งกระทะน้ำมันบนไฟกลางจนร้อน ใส่หมูที่หมักลงผัดจนสุก ใส่เห็ดหอม แครอท และเส้นหมี่ ปรุงรสด้วย ซีอิ๊วขาว คนอร์อร่อยชัวร์ และน้ำตาลทรายผัดให้เข้ากัน ใส่ถั่วงอก และต้นหอมลงไป ผัดให้เข้ากันอีกครั้ง จัดใส่จานพร้อมเสิร์ฟ
หมายเหตุ ถ้าไม่ใช้หมูหมักสามารถใส่แฮมหั่นชิ้นพอคำแทนได้

บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #458 เมื่อ: เมษายน 05, 2014, 09:33:31 PM »


นานาสาระเพื่อสุขภาพที่ดี

Yesterday · Edited


เมนูขนมหวานเพื่อสุขภาพ
"ถั่วเขียวต้มน้ำตาล"

เมนูคู่ครัว ถั่วเขียมต้มน้ำตาลเป็นขนมหวาน ที่แสนจะทำง่าย ถึงง่ายที่สุด ส่วนผสมก็น้อยที่สุด

 แค่มีถั่วเขียวกับน้ำตาลทรายติดบ้านไว้ อยากกินขนมหวานเมื่อไร ก็ลุกขึ้นมาต้มกินได้ทันที แก้ขัดไปได้คะ

 ถ้าจะทำให้ครบขั้นตอน ก็ต้องเอาถั่วเขียวไปคั่วในกระทะให้มีกลิ่นหอมก่อน แล้วก็แช่น้ำไว้ข้ามคืน แต่....

เราไม่เคยมีแผนการไว้ล่วงหน้าเลย ไม่เคยทำเลยคะ เพราะอยากกินเมื่อไหร่ก็ลุกขึ้นมาต้มเลย อาจต้มนานหน่อย

 หม้อนี้เป็นการต้มในที่ทำงาน ใช้หม้อหุงข้าวต้ม แช่ถั่วเขียวไว้ตอนเที่ยง

 แล้วไปต้มเอาเกือบเที่ยงของอีกวัน ใม่มีใบเตย ให้ใส่ ทำกันแบบง่าย ๆ ประหยัดค่าขนมตอนกลางวันคะ

 แต่สูตร ที่ชอบกินมากกว่า จะเป็น สูตรถั่วเขียวต้มแบบใส่กะทิด้วย ใช้น้ำตาลปิ๊บแทนน้ำตาลทราย ตามนี้
http://http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=baanbaitong&month=04-2009&date=23&group=4&gblog=5

หรือจะทำเป็นถั่วเขียวต้มน้ำลำใย แบบนี้ก็หอม อร่อยคะ

 แค่ต้มถั่วเขียวให้นุ่ม แล้วแยกถั่วไว้ ต้มน้ำลำใยใส่น้ำตาลทรายให้หวาน หอม

 แล้วนำถั่วเขียวใส่ลงไปให้เดือดอีกครั้ง ก็ได้ถั่วเขียวต้มน้ำลำใยหวาน หอม ทานร้อน ทานเย็นก็ได้ทั้งสองแบบคะ

 ส่วนผสม

1. ถั่วเขียว 1 ถ้วย
2. น้ำตาลทราย ประมาณ 1 ถ้วย
3. น้ำสะอาด 5 ถ้วย
4. ใบเตย 2-3 ใบ (ถ้ามี)

วิธีทำ

1. นำถั่วล้างและแช่น้ำข้ามคืน

2. จากนั้นเทน้ำที่แช่ถั่วออก ล้างน้ำให้สะอาดอีกครั้ง นำถั่วใส่หม้อ ใส่น้ำสะอาด 5 ถ้วย ใส่ใบเตย (แต่เราไม่มีใบเตย)

แล้วนำขึ้นตั้งไฟ พอน้ำเดือดก็ลดไฟลง ชอนฟองออกให้หมด ต้มจนถั่วนุ่มตามที่ต้องการ

 บางคนอาจชอบแบบเป็นเม็ด ๆ แต่นิ่ม หรือจะชอบแบบถั่วบาน ๆ ก็แล้วแต่

3. ใส่น้ำตาล เราใช้น้ำตาลทรายแดง จะหอมกว่าน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์

**การใส่น้ำตาล ต้องรอให้ถั่วเขียวนิ่ม เท่าที่ต้องการก่อนนะคะ ไม่งั้นเมื่อใส่น้ำตาลแล้ว น้ำตาลจะรัด ทำให้เมล็ดถั่วเขียวจะไม่นิ่มแล้ว

4. พอได้ที่แล้วลองชิมดู ถ้าชอบหวานก็เพิ่มน้ำตาลไปอีก กินตอนร้อน ๆ หรืออุ่น ๆ

 สรรพคุณ / ประโยชน์ของถั่วเขียว

- เมล็ด นำมาต้มแล้วกินเป็นยาขับปัสสาวะ สำหรับคนที่เป็นโรคเหน็บชา

 ส่วนถั่วเขียวที่ดิบหรือที่ต้มสุกแล้วใช้ตำพอกเป็นยารักษาภายนอกช่วยบ่มหนองให้ฝีสุก

- เปลือก (สีเขียว) แก้ร้อนใน กระหายน้ำ ทำให้ตาสว่าง รักษาตาอักเสบ

- ถั่วเขียวเป็นพรรณไม้ที่ให้ประโยชน์มากทั้งทางด้านอาหารและในด้านที่ใช้เป็นยา

 เมื่อนำมาเพาะเป็นถั่วงอกจะให้วิตามินเอ บี และซีสูงมาก

 ขอขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=baanbaitong&month=26-01-2011&group=4&gblog=17
See Translation






บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #459 เมื่อ: เมษายน 10, 2014, 01:33:43 PM »

ชอบกินแบบไหนกันบ้าง


บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #460 เมื่อ: มิถุนายน 11, 2014, 06:24:24 PM »

PoONiM

ฮ่า ฮ่า ฮ่า
ผมเป็นอีกคนหนึ่งครับที่โปรดปราน กาน่าช่ายเอามากมาก
วันนี้ได้วิธีการทำก่าน่าช่ายมาก็เลยกะเอามาฝาก
พี่น้อง เวเจทเรียน ทั้งหลายที่นี้ขอร๊าบ


กานาฉ่าย กาหนาฉ่าย  กาน่าไฉ่ (สาระพัดสำเนียง)
กินกับข้าวต้มก็อร่อย   แต่เท่าที่พิสูจน์แล้ว กินกะข้าวสวยร้อนร้อน
จาอร่อยกว่ามากเลยคร๊าบ  (เลือกทานได้ตามอัทธยาศัยละกาน)


ส่วนผสมที่สาธิตวันนี้ มีดังนี้

-ผักกาดดองขยำ ล้างน้ำบีบน้ำเค็มออก 1 รอบ
(ล้างมากไปจะจืด ล้างน้อยจะเค็ม )สับ ๆๆๆ 2โล
-กานาซั่ม (ลูกสมอดอง)ทุบๆสับๆ 1 ขีด
(2ขีดก็ได้ถ้าชอบ หรือมีเยอะ)
-เห็ดหอมแช่น้ำ หั่นหยาบ ๆ ใส่ตามฐานะทางบ้าน
-น้ำมันพืช จะปาล์มหรือถั่วเหลืองก็ได้ ครึ่งขวด



ผักกาดดองสับ


กานาซั่ม(ลูกสมอดอง) มีขายที่ตลาดเก่า
อันนี้แบบไม่มีเม็ด จะใช้แบบมีเม็ดก็ได้เหมือนกัน
สับ ๆ ทุบ ๆ ก่อนทำนะจ้ะ ในรูปนี้ยังไม่ได้ทุบ



เห็ดหอมสับหยาบ ๆ
ในรูปนี้สังเกตว่าใส่เยอะมาก (เพราะฐานะดี )



กระหน่าเทน้ำมันลงไปครึ่งขวด พอร้อน ๆ ใส่เห็ดหอมกับกาน่าลงไปเจียวๆ


พอเห็ดกับกาน่าหอม ๆ ไม่ถึงกับแห้ง ก็ใส่พระเอกผักกาดดองลงไป




เติมน้ำเปล่า1ถ้วย คลุกเคล้าให้เข้ากัน ไฟอ่อน ปิดฝา ตุ๋นไปเรื่อยๆ
หมั่นมาดู และคอยคน ทุก ๆ ครึ่งชั่วโมง เป็นเวลา 5 ชั่วโมง จะได้แบบนี้
ถ้าแห้งไปเติมน้ำได้
ต้มตุ๋น ชิม ปรุงไปเรื่อย ๆ 8 ชี่วโมง เริ่มดำละนะ
ก็เป็นเวลาเย็นค่ำพอดี ตักใส่กระปุก ปิดฝา ไม่ต้องเข้าตู้เย็น
ทิ้งไว้ 1 คืน

(เห็นตรงนี้แล้ว เปลี่ยนใจหาซื้อกินเอาก็ได้หน่ะครับ . . . แบบแว่ ผมพึ่งเห็นนี่แหล่ะ)




เช้ามา ต๊ายตาย ดำกว่าเดิมอีก เอามาลงกะทะ คั่ว ๆ ให้ร้อน
จะหอมกว่าเดิม แถมดำได้ใจ อร่อยได้เลย
กานาฉฉ่าย เป็นเมนูไม่ยาก
แต่ต้องใช้ความอดทนสูง
เพราะต้องคอยเฝ้าทั้งวัน
ไฟแรงก็จะติดกะทะ

บางทีทำแค่ 1 โล ตุ๋นในหมอตุ๋นก็ได้
จะได้ไม่ต้องเฝ้ามาก
ใครเอาไปทำขาย ถ้ารวยแล้วมาแบ่งด้วย

ขอบคุณ ข้อมูลสำหรับคนเวลาว่างเยอะ : จางซานฟง



thank you
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #461 เมื่อ: มีนาคม 07, 2015, 10:40:53 AM »

ปลากะพงนึ่่งมะนาวกระเทียมดอง




เครื่องปรุงและส่วนผสม

ปลากะพงขนาดกลาง       1          ตัว
กระเทียมสับ                4         ช้อนโต๊ะ
กระเทียมดอง               1/4      ถ้วยตวง
พริกขี้หนูซอย              2          ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา                     2-3       ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว                  3          ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปีบ                 1          ช้อนชา


วิธีการทำ ปลากะพงนึ่งมะนาวกระเทียมดอง

1. ล้างปลากะพงให้สะอาด พักให้สะเด็ดน้ำ

2. วางปลาลงในจานนำไปนึ่งให้สุก

3. ผสมกระเทียม พริกขี้หนู น้ำปลา น้ำมะนาว น้ำตาลปีบเล็กน้อยให้เข้ากัน ชิมรสให้ได้รสจัด เปรี้ยว เค็ม หวาน เทราดบนตัวปลา ตกแต่งด้วยกระเทียมดองและต้นหอมเล็กน้อย
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #462 เมื่อ: มีนาคม 29, 2015, 12:25:23 PM »

ยำปลาทู
ยำ ถือเป็นอาหารที่มีรสเฉพาะตัว คือ เปรี้ยว เค็ม เผ็ด มีส่วนประกอบหลักคือ เนื้อสัตว์ หรือพืชผักบางชนิดนำมาคลุกปรุงกับน้ำยำ ยำปลาทูเข้ากันได้ดีกับใบชะพลู ปลาทูที่นำมายำจะเป็นปลาทูสดหรือปลาทูนึ่งก็ได้ แต่ควรนำมาย่างไฟ เพราะจะได้กลิ่นหอมและรสชาติที่ไม่เพี้ยน หากนำไปทอดในน้ำมันเมื่อนำมายำจะได้รสและกลิ่นของน้ำมันทำให้ไม่หอมเท่าการย่าง ที่สำคัญเราจะได้ไม่ต้องกินน้ำมันมากเกินไปเป็นสาเหตุของโรคต่างๆ นับว่าเมนูนี้เหมาะแก่การควบคุมน้ำหนัก
(เครดิตภาพ : ดงละดอน, เขียนบน iPad (nr..con), rutesala)
วิธีทำ :>> http://bit.ly/1nnJoNW


บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #463 เมื่อ: ตุลาคม 25, 2015, 11:53:22 AM »

.....จีบไม่เป็น....แต่อยากจีบ....คิกๆๆๆๆๆ
จากคุณ : ตะโกครับ 





แบบนี้รึป่าว ที่เรียกว่า "เต็มไม้ เต็มมือ"  คิกๆๆๆ




จับมาแกะเปลือก เอาหัวเออก เลือกมา5ตัว


ผ่าหลังเอาลำไส้ออกครับ


ใครจะว่า"เสียของ" ก็ไม่เป็นไรนะครับ  เอากุ้งตัวโตๆแบบนี้มาทำขนมจีบ
ก็กุ้งตัวเล็กๆ มันไม่มีอ่ะครับ แล้วตะโกก็ไม่ได้ทำแยะครับ
ถ้าทำมากๆ ทำขาย คงใช้กุ้งแบบนี้ไม่ได้แน่ๆครับ
แบบที่ภาษาใต้ว่า  "เอาหรอย" ไว้ก่อน  คิกๆๆๆ

เอาส่วนผสม ทิ่มให้เนียนก่อนครับ



เอาเนื้อกุ้งลงไปทิ่มต่อหลังจากเครื่องเนียนแล้ว
ทองแดงเลยตะโก กลับเข้าสู่โหมด บางกอก นะครับ

ทิ่ม หมยความว่า ตำ
เนียน หมายความว่า ละเอียด



ตำกุ้งให้ละเอียดจนเหนียวแบบนี้ครับ  เห็นไหมครับว่า ตะโก คว่ำช้อนไว้


มองอีกด้านนึง เนื้อกุ้งเหนียวจนติดหนึบ แบบนี้น่าจะโอเคแล้วครับ


ใข้กุ้งมาตำทั้งหมด3ขีดรวม5ตัว ได้เท่านี้เอง


กลัวว่าจะไม่พอ เลยเอากุ้งที่ตำไว้เข้าแช่เย็น
ใช้หมูบดปรุงรส ที่ขายในห้าง มาผสมนะครับ
จะได้ขนมจีบแบบเด้งดึ๋งๆ อร่อยๆเลยครับ



เอามาตำผสมให้เข้ากันอีกที


ตะโกใช้หมูแค่2ขีดนะครับ กุ้ง3ขีด ตำรวมกัน
แล้วปรุงรสด้วย น้ำตาล กับ รสดี อย่างละ.75ช้อน
ในหมูปรุงรส จะมีรสชาติอ่อนๆอยู่แล้ว



ถ้าใครชอบ กลิ่นน้ำมันงา ก็ใส่ลงไปได้เลยครับ หลังวจากตำเนื้อเข้ากันแล้ว
ต้นหอม ถ้าชอบก็ใสนิดหน่อย



ส่วนกุ้งที่เหลือ สี่ตัว เอามาหั่นท่อนๆแบบนี้ครับ
แล้วเก็บไว้ครึ่งนึง ส่วนที่เหลือใส่ครกผสม ให้เข้ากัน



นำไปให้คิวซีเทสต์ รสชาติก่อน
ตักใส่ถ้วยเพื่อเข้าเวฟชิมรส



แล้วเข้าเวฟ 25วินาที
ออกมา แจ่มแล้วครับ ไม่ต้องปรุงเพิ่ม
ขั้นตอนนี้ ถ้าเราชอบแบบไหนก็ใส่ลงไปครับ




ตะโกใช้แผ่นเกี๊ยวที่ขายในตลาด นำมาตัดเหลี่ยมออกแบบนี้ครับ


ตัดก็ไม่สวย จีบก็ม่ายเป็น


ขั้นตอนนี้แหละครับ ที่ตะโกบอก  จีบไม่เป็นจริงๆ
ตักเนื้อมาใส่แผ่นแล้วก็มั่วๆเอาตามนี้




แล้วก็บีบๆปลายให้เข้ารูป พร้อมลองใส่กุ้งหั่นที่แบ่งไว้


เพื่อให้ขั้นตอนนี้ผ่านไป เร็วๆ
ตะโก ข้ามมาตรงนี้เลยเลยครับ
เอาเนื้อกุ้งใส่ด้านบน



ที่จริงแล้วแผ่นเกี๋ยวต้องไม่แห้งนะครับ ควรพรมน้ำหรือใช้สเปย์ละอองน้ำที่แผ่น
เพื่อป้องกันแผ่นแข็ง ถ้าแผ่นแห้ง เวลานึ่งจะแข็ง ไม่อร่อย
ตะโกใช้ใบผักมาชุบน้ำ พรมที่แผ่นบางๆก่อนนำไปนึ่ง



เอาน้ำมันพืช ทาที่ซึ่้งก่อนนะครับ ป้องกัน แผ่นติดซึ้ง
แล้วจับเรียงอย่าให้ติดมากเกินไป



ใช้เวลานึ่ง 8นาที หลังจากน้ำเดือดนะครับ




ใครชอบกระเทียมเจียวก็ใส่บนเลยครับ



พร้อมแล้วไปทานกันครับ
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #464 เมื่อ: ธันวาคม 19, 2015, 08:28:53 AM »

น้าคม อร่อยปักหมุด / Cooking is Fun nationtv.tv



สวัสดีครับ Cooking is Fun โดย น้าคม ช่วงนี้ใกล้ปีใหม่ มีเมนูที่จะทำเป็นของฝากหรือใครคิดจะเริ่มอาชีพเสริมก็เอาไปทำได้ ทำง่าย เก็บได้นาน แถมอร่อยกับเมนู เห็ดสวรรค์ ลองมาดูกันครับ

 

วัตถุดิบ

1. เห็ดภูฏาน หรือเห็ดนางฟ้าก็ได้ ผมใช้ครึ่งโล

2. ผงปรุงรส จะคนอ รึ รสดี รสหมู รสไก่ ใช้ได้หมด เห็ดครึ่งโลผมใช้ 3 ชช

3. น้ำตาลทราย เห็ดครึ่งโลผมใช้ 3 ชช เท่าๆกัน

4. น้ำมันสำหรับทอด

5. งาขาวคั่ว

 

แค่นี้เองครับ ไม่ยากเลยเนอะ มาดูวิธีทำกันเลย

เตรียมเห็ดครับ นำเห็ดไปล้าง สะเด็ดน้ำให้แห้ง นำมาฉีกฝอยๆ แล้วนำไปผึ่งลมซัก 1-2 ชม




แค่นี้เอง จากนั้นเตรียมชามผสม เห็ดครึ่งโลผมแบ่งเป็น 3 ส่วน ใส่รสดี 1 ชช น้ำตาลทราย 1 ชช






คลุกเคล้าให้เข้ากับเห็ด




ตั้งกระทะไฟกลาง




น้ำมันร้อนใส่เห็ดลงทอด ใช้เวลาประมาณ 7-8 นาที คอยดูให้เห็ดเหลืองทอง ระวังอย่าให้ไหม้ เอาขึ้นก่อน เพราะเมื่อนำขึ้นมา เห็ดจะสุกต่ออีก




ใส่ถาดรองด้วยกระดาษซับน้ำมัน พัดลมเป่าเบาๆ โรยด้วยงาขาวคั่ว













คลุกเคล้าเบาๆ พอหายร้อน นำใส่ภาชนะปิดฝา เพื่อไม่ให้เห็ดนิ่ม เก็บไว้กินกับข้าวเหนียวร้อนๆ หรือจะข้าวต้ม ข้าวสวยก็อร่อยไม่แพ้กัน เก็บได้ประมาณ 2 สัปดาห์สบายๆ จะทำขายก็น่าจะดี ลองดูครับ ^^

 

ขอให้สนุกกับการทำอาหาร

#41kitchen #น้าคม #CookingIsFun
บันทึกการเข้า

finghting!!!
Gold Price today, Gold Trend Price Prediction, ราคาทองคํา, วิเคราะห์ทิศทางทองคํา
   

images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary ---------------------Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. For more information on Moore Research products and services click here. --- http://www.mrci.com ---------- ---------------------------------------------รูปกราฟแสดงราคาทองในอดีตปี 1974-1999 ของ Moore Research Center, Inc. แสดงฤดูกาลที่ราคาทองขึ้นสูงสุดและตําสุด เอาแบบคร่าวๆ เส้นนําตาลหรือนําเงินก็ใกล้เคียงกัน เส้นนําตาลเฉลี่ย 15 ปี เส้นนําเงินเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุดของเส้นนําตาล หรือเฉลี่ย 15 ปี ในเดือน ปลายเดือน เมษ และปลายเดือน สค ต่อต้นเดือน กย[/color] สูงสุดในเดือน กพ กับ พย / ส่วนเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุด ต้น กค กับ ปลาย สค และราคาสูงสุดในเดือน กพ และ กลางเดือน ตค ----- แค่ดูคร่าวๆ เป็นแนวทาง อย่ายึดมั่นว่าจะต้องเป็นตามนี้ ข้างล่างเป็นกราฟราคานํามัน ตามฤดูกาล จาก Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary
 บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 29 30 [31] 32 33   ขึ้นบน
พิมพ์
กระโดดไป: