jainu
|
 |
« ตอบ #300 เมื่อ: เมษายน 19, 2012, 07:41:32 PM » |
|
นิทานสอนใจ : ลิงกับลา หญิงชาวบ้านคนหนึ่งอาศัยอยู่คนเดียวในกระท่อม ด้วยความเหงานางจึงหาสัตว์มาเลี้ยงไว้เป็นเพื่อนสองตัว คือ ลิงและลา วันหนึ่งหญิงชาวบ้านคนนี้ต้องออกไปตลาดเพื่อซื้ออาหาร ก่อนออกจากบ้านเธอได้เอาเชือกมาผูกคอลิงแล้วมัดขาของลาเอาไว้ทั้งสองข้าง เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์เลี้ยงทั้งสองตัวเดินย่ำไปมาในกระท่อมจนทำให้ข้าว ของต่างๆ ได้รับความเสียหาย
ทันทีที่หญิงชาวบ้านออกจากบ้านไป ลิงซึ่งมีความฉลาดและแสนซนเป็นคุณลักษณะประจำตัวก็ค่อย ๆ คลายปมเชือกออกจากคอของมัน อีกทั้งยังซุกซนไปแก้เชือกมัดขาให้แก่ลาอีกด้วย หลังจากนั้นเจ้าลิงก็กระโดดโลดเต้นห้อยโหนโจนทะยานไปทั่วกระท่อมจนทำให้ข้าว ของต่าง ๆ ล้มระเนระนาดกระจัดกระจายไปทั่ว อีกทั้งยังซุกซนรื้อค้นเสื้อผ้าของหญิงชาวบ้านมาฉีกกัดจนไม่เหลือชิ้นดี ในขณะที่ลาได้แต่มองดูการกระทำของเจ้าลิงอยู่เฉย ๆ
สักครู่หนึ่ง หญิงชาวบ้านคนนี้ก็กลับมาจากตลาด เจ้าลิงมองเห็นเจ้าของเดินมาแต่ไกลจากทางหน้าต่างก็รีบเอาเชือกมาผูกคอตนไว้ อย่างเดิมและอยู่อย่างสงบนิ่ง ฝ่ายหญิงชาวบ้านเมื่อเปิดประตูกระท่อมเข้ามาเห็นข้าวของของตนถูกรื้อค้น กระจุยกระจายเช่นนั้นก็เกิดโทสะขึ้นทันที หันมองลิงและลาเพื่อดูว่าใครเป็นผู้ก่อเรื่อง และเห็นว่าลาไม่มีเชือกผูกขาดังเดิม เธอก็คิดเอาเองว่าเจ้าลานี่เองคือตัวปัญหา ทำให้กระท่อมของเธอมีสภาพไม่ต่างจากโรงเก็บขยะ ดังนั้นหญิงชาวบ้านจึงวิ่งไปหยิบท่อนไม้นอกบ้านมาทุบตีลาอย่างรุนแรง ซึ่งเจ้าลาผู้น่าสงสารก็ได้แต่ส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดจนสิ้นใจโดยไม่ สามารถทำอะไรได้เลย
บทสรุปของผู้แต่ง
หลายคนคงไม่ค่อยชอบตอนจบของนิทานเรื่องนี้นัก เพราะสงสารเจ้าลาที่ไม่ได้ทำความผิดอะไรแต่กลับถูกเจ้าของทำโทษจนตาย ส่วนเจ้าลิงซึ่งเป็นต้นเหตุแท้ ๆ กลับรอดพ้น และไม่ได้รับผลกรรมใด ๆ แต่แท้ที่จริงแล้วนิทานเรื่องนี้ต้องการชี้ให้เห็นถึง “ความเป็นผู้นำ” ของหญิงชาวบ้านที่ไม่พิจารณาเหตุการณ์ให้ถ่องแท้ เชื่อแค่สิ่งที่ตนเห็นแล้วลงโทษไปตามความรู้สึกและประสบการณ์ส่วนตัว เธอมองเห็นข้าวของเสียหายและมองเห็นลาที่หลุดออกมาจากเชือก แล้วตัดสินว่าลาคงเป็นผู้กระทำ แต่ไม่ได้มองว่าลาไม่มีปัญญาจะแก้เชือก และไม่มีนิสัยชอบรื้อทำลาย เธอมองเห็นลิงยังถูกเชือกล่ามอยู่ก็คิดว่าลิงคงไม่ใช่ผู้กระทำ แต่มองไม่ออกว่าผู้น่าจะแก้ปมเชือกได้และมีนิสัยชอบรื้อทำลายนั้นคือ ลิง ความจริงถ้าเธอรู้จักสำรวจร่องรอยความเสียหายเสียสักเล็กน้อย เธอก็จะพบรอยเท้าและฟันของลิงกระจายไปทั่วห้อง แต่ไม่พบรอยเท้าของลาเลย เพราะลาไม่ได้เคลื่อนที่ไปไหน
เหตุที่องค์กรหลาย ๆ องค์กรต้องเหน็ดเหนื่อยทรมานกันอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะความสะเพร่าของผู้นำที่ “ปล่อยให้ลิงสร้างปัญหา แต่ลารับเคราะห์” ลาก็เหมือนกับคนที่ปฏิบัติงานได้ตามหน้าที่ แต่ไม่ค่อยมีปากมีเสียง พูดจาตรงไปตรงมาแต่ไร้เล่ห์เหลี่ยม ลิงก็เหมือนกับคนที่ฉลาดแกมโกง พูดมากพรีเซ็นต์เก่ง อ้างอิงตำราได้สารพัด แต่ไม่เคยทำงานจริง
ดังนั้น “นายที่ดี” ไม่ควรปล่อยให้ลิงหลงระเริงว่าทำผิดเท่าไรนายก็ไม่มีทางรู้ ผู้เป็นนายไม่ควรยึดติดความสบาย นั่งขึ้นอืดรอฟังแต่รายงานในห้องประชุม แต่ควรรู้จักยอมเสียสละตน สละเวลาอีกเล็กน้อยเพื่อค้นหาความจริงเพื่อควบคุมเจ้าลิง เพราะไม่เช่นนั้นองค์กรก็จะทุกข์ทรมานอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ถ้าลิงสงบได้ องค์กรก็จะพลอยสบายและมีความสุขอย่างยั่งยืนไปด้วย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
finghting!!!
|
|
|
jainu
|
 |
« ตอบ #301 เมื่อ: พฤษภาคม 03, 2012, 07:53:40 PM » |
|
39 ข้อคิดจิตวิทยาแห่งความสำเร็จ (บัณฑิต อึ้งรังษี)  1. ฝันให้ใหญ่…..ใหญ่สุดๆ Imagination is Power ถ้าเราตั้งเป้าไว้ว่าจะบินให้ไปถึงดวงดาว แต่แล้วเราไปถึงได้แค่ยอดเขา เราก็ยังถึงที่สูงกว่าที่เราเป็นอยู่ตอนนี้มากมายนัก อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์เคยกล่าวข้อความที่คนทั้งโลกรู้จักกันดีว่า “Imagination is more powerful than knowledge” หรือ “จินตนาการมีพลังกว่าความรู้” นั่นคือการใช้จินตนาการเป็นพลังสร้างฝันให้เป็นจริง 2. มนุษย์จะพัฒนาการไปตามอย่างที่ตนคิด As a Man Thinks,He is ทุกอย่างเริ่มที่ความคิดเท่านั้น ข่าวดีก็คือ….คุณสามารถเปลี่ยนอนาคตของคุณได้ โดยการเปลี่ยนความคิดของคุณ นับแต่นี้เป็นต้นไป 3. วิ่งหนึ่งไมล์ในสี่นาที 4-Minutes Mile ตัวคุณเองลอง”วิ่งหนึ่งไมล์ใน4นาที”บ้างสิครับ ด้วยเรื่องง่ายๆ เช่น ออกกำลังกายลดน้ำหนัก ทำอะไรที่คิดว่าตัวเองทำไม่ได้หรือเกี่ยงมานาน
4. ใช้หัวใจเลือกอนาคต Do What You Love, and the Money Will Follow “ทำสิ่งที่ตนรักแล้วเงินจะตามมาเอง” 5. เดินหน้าหาทาง Do What You Can, Where you can ส่วนที่ผมสนใจมากคือชีวประวัติของวาทยกรที่ยิ่งใหญ่ของโลกแต่ละคน 6. เรียนรู้อย่างรวดเร็วเพื่อเอาชนะ Super-Learning หาสิ่งที่เป็นผลงานของคนที่เก่งที่สุดในสาขาที่คุณสนใจมาศึกษาเลียนแบบปรมาจารย์ทำให้เรียนรู้ได้เร็วขึ้นไม่ต้องมาเสียเวลากับเรื่องที่คนทำได้กันแล้วทำให้เรา “ต่อยอด” ได้เร็วขึ้น มีเวลาคิดค้นเทคนิคใหม่ๆที่ยังไม่เคยมีใครทำกัน
7. ฝ่าด่านอคติฝรั่ง Over-Prepare “ผลงานต้องดีกว่า” คือขึดที่ผมใช้ต่อสู้กับอคติ 8. เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตามตาม Profile Global, Act Local การทำงานร่วมกับคนจำนวนมากต้อง “เก่งงาน” เพื่อให้เขา “ยอมรับ” ต้อง “เก่งคน” เพื่อให้เขา “ยอมฟัง” ยอมทำตามกันเป็นทีม 9. ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน Goal-Setting “เป้าหมายเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดอันหนึ่งของความสำเร็จ” คุณต้องตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน วัดได้ แต่อย่าปล่อยให้ล่องลอยอยู่ในอากาศให้เขียนลงไป มันจะทำหน้าที่เป็น “สาร” แห่งแรงบันดาลใจที่สร้างพลังและมักให้ผลตอบแทนสูงกว่าที่คิดเสมอ
10. “วางแผน” เป็นเรื่องง่ายๆ Planning ไม่มีความรู้สึกอะไรจะยิ่งใหญ่ไปกว่าการบรรลุเป้าหมาย เพราะนั้นจะเป็นความรู้สึกที่จะทำให้คุณมีความเชื่อมั่นในตนเองมากขึ้น ข้อแตกต่างระหว่าง “ความฝันลมๆแล้งๆ” กับ “ความมุ่งมั่นฝันใฝ่ถึงความสำเร็จ” ก็คือ “การวางแผน” การวางแผนเป็นเรื่องง่ายๆ ระดับสามัญสำนึก(Common Sense) ถ้าตั้งเป้าหมายของคุณให้ชัดเจนและต้องการมันมากอย่างเพียงพอ การวางแผนก็จะเป็นธรรมชาติ 11. สู้ตาย…ตัดทางถอย Burn the Bridge Behind You ตราบใดที่เรายังไม่ตั้งปณิธานให้แน่วแน่ มัวแต่ประนีประนอมสร้าแผนสำรองและเปิดโอกาสให้ตนเองถอยได้ก็จะประสบความเร็จยิ่งใหญ่ไม่ได้เลย ถ้าคุณมุ่งมั่นตัดสินใจทำอะไรแล้วให้ “เผาสะพานทิ้ง” อย่าล้มเลิกกลางคัน 12. อ่าน อ่าน อ่าน What You Read, You are คุณต้องชั่งน้ำหนักระหว่างเรื่องที่ “น่าอ่าน” กับเรื่องที่ “ควรอ่าน” เพราะการอ่านก็คือการเพาะเมล็ดพันธุ์ทางความคิดเข้าไปในตัว ไม่มีอะไรคุ้มค่าไปกว่าการอ่านหนังสืออีกแล้วละครับ และที่สำคัญ…ไม่มีอะไรมาแทนการอ่านหนังสือได้ด้วย
13. ฝึกซ้อมในใจ Do Within When You are Without ไม่ว่าจะเป็นทักษะอะไรก็ตามการพูดในที่สาธารณะ นำเสนอแผนงานขายสินค้า เล่นเทนนิสคุณสามารถ”ฝึกในใจ” ได้ทั้งนั้น 14. ความรับผิดชอบ Responsibility จุดเริ่มต้นการคิดของคุณ ต้องเริ่มต้นด้วยการยอมรับผิดชอบว่าคุณมาถึงสถานการณ์ตอนนี้ที่คุณเป็นอยู่ไม่ว่าดีหรือร้ายมันเกิดจากคุณทั้งสิ้น ถ้าคุณยอมรับว่าคุณคือคนที่กุมบังเหียนชีวิตของคุณเองคุณจะรู้ถึงศักยภาพที่จะเปลี่ยนอนาคตของคุณเองได้และถ้าคุณจะเปลี่ยนอนาคตของคุณ สิ่งแรกที่คุณต้องเปลี่ยนก็คือความคิดของคุณเอง 15. คิดในทางบวก Think Positive ถ้าเราต้องการอะไรจากชีวิตเราก็ต้องคิดอย่างนั้น คิดตลอดเวลาถึงสิ่งที่เราต้องการ อย่าไปพูดถึงสิ่งที่ไม่ต้องการ”ผมกลัวโน่น ผมกลัวนี่ผมไม่อยากจน ผมไม่อยากป่วย อย่าให้ชีวิตคุณถูกครอบคลุมด้วยความกลัว แต่ให้ถูกผลักดันด้วยความฝัน
16. เส้นไม่ใหญ่ไม่เป็นไร Connection สายสัมพันธ์หมายถึงการยอมรับ ซึ่งมีที่มามากกว่าเรื่องความสามารถและผลงาน ถ้ามัวแต่เก่งแล้วไม่ไปเสริมสร้างสายสัมพันธ์ให้คนอื่นเขารักชอบ มักก็จบเพราะฉะนั้น ความสามารถกับการสายสัมพันธ์ต้องไปด้วยกัน 17. เพียง Resume ในกระดาษ ไม่ให้งานที่ดีกับใคร งานที่ดีมักจะมาจากการที่คนเรารู้จัก อาจจะเป็นเจ้านายหรือมีคนที่อยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่าและเห็นผลงานของเรา ดังนั้นประเด็นจึงมีอยู่ว่าจะทำอย่างไรให้ผลงานของเราเป็นที่รู้จักนี่เป็นเรื่องของสายสัมพันธ์เครือข่ายความไว้เนื้อเชื่อ ใจในความสามารถจนเกิดการแนะนำบอกต่อกันมา ไม่ใช่เรื่องของกระดาษ “Resume” แผ่นเดียว 18. รอให้เรียนจบก็สายแล้ว Always Think Steps Ahead การเรียนทำให้คุณได้ความรู้ได้ทฤษฎีได้ใบปริญญา แต่ยังไม่ได้ “ผลงาน” การไปฝึกงานคือจุดเริ่มต้นที่จะทำให้คุณรู้จักคนในหน่วยงานนั้น จากนั้นต้องทำให้เขาเห็นผลงานของเรา ซึ่งต้องทำให้โดดเด่นขึ้นมาจากคนอื่น จนที่สุดเขาชอบเราและนึกถึงเราเป็นคนแรกเวลาที่ต้องการคน
19. ตามหาคนเก่งมาเป็นพี่เลี้ยง Learn From the Masters เมื่อคุณตัดสินใจแล้วว่าจะพัฒนาตนเองทางด้านไหน คุณจะต้องไปสืบเสาะเอาคนที่เก่งที่สุดในสาขานั้นมาเป็น “พี่เลี้ยง” คุณให้ได้ และที่สำคัญคือควรเก่งทางด้านปฏิบัติ ไม่ใช่ด้านทฤษฎีอย่างเดียว การรู้จักคนที่ถูกต้องทำให้เราประหยัดเวลาได้อีกเยอะ 20. ชื่อเสียงรักษาเท่าชีวิต Reputation ตัดสินใจตั้งแต่ตอนนี้ถ้าคุณจะมีชื่อเสียง จะให้คนพูดถึงคุณว่าอย่างไรว่าคุณเป็นคนซื่อสัตย์หรือคนโกงว่าคุณเป็นคนตรงเวลาหรืออู้งาน 21. “นอกวง”เลย”นอกกรอบ” Think Outside the Box อย่ายอมรับสิ่งที่คนอื่นบอกว่าเป็นข้อจำกัดของเรา “การคิดต่างกันทำให้อนาคตต่างกัน”
22. คิดใหญ่ทลายข้อจำกัด Accept No Limits หากข้อจำกัดนั้นเป็นความจริงที่วางอยู่ตรงหน้าคุณ วิธีการทลายก็คือคิดให้ใหญ่กว่า ซึ่งก็คือการคิดนอกกรอบในอีกรูปแบบหนึ่งเหมือนกัน ไม่มีอะไรแน่นอน ไม่มีอะไรจำกัดตัวเราได้ ความเป็นไปได้มีหมด เพราะศักยภาพของมนุษย์นั้นมีสูงมาก เพราะฉะนั้น อย่าไปเชื่อข้อจำกัดที่คนอื่นบอกเรามา ข้อจำกัดไม่มีหรอก มีแต่ความคิดเรื่องข้อจำกัด 23. ขอคืบให้ศอก Go the Extra Mile ผลงานของคุณจะต้องเยี่ยมและดีพร้อมเสมอ แต่นอกเหนือจากนั้นต้องให้เกินความคาดหมายของผู้รับ อย่าเป็นคนที่ทำได้แค่เท่าที่สั่ง สิ่งนี้ยังเป็นการพัฒนาเราอย่างต่อเนื่องอีกด้วย 24. เพิ่มคุณค่าให้ตนเองเสมอ Constant Improvement งานของผมไม่มีคำว่าอยู่เท่าเดิม ถ้าผมไม่โตหรือพัฒนาความก้าวหน้าอาชีพก็จะเหี่ยวเฉาและตายไปและความจริงนี้ใช้ได้กับธุรกิจหลายประเภทที่มีการแข่งขันกัน
25. ภาษานั้นสำคัญไฉน Language Skills 26. พรสวรรค์เรื่องเล็ก ทำงานหนักเป็นเรื่องใหญ่ Talent Genius is 10% inspiration and 90% perspiration 27. อุปสรรคและความผิดหวัง Overcoming Obstacles ยิ่งฝันใหญ่เท่าไรก็ต้องเจออุปสรรคมากเท่านั้น สิ่งที่สำคัญคือวิธีคิด เมื่อต้องเจออุปสรรคและความผิดหวัง “อย่าให้มันหยุดเราได้” ถ้าอุปสรรคและปัญหาเป็นเรื่องที่แน่นอน สิ่งที่จะช่วยให้เราจัดการกับมันได้อย่างมีประสิทธิภาพก็คือการเตรียมการก่อนล่วงหน้า
28. วิธีเลือกคู่ครองให้ถูก พลังแห่งจิตใต้สำนึกน่าจะนำมาใช้ได้ในการหาคู่ครอง 29. ความถ่อมตัว Humility “อย่าคิดว่าเราเก่ง คนที่เคยทำได้เหมือนเราและดีกว่าเราก็มีมากในโลกนี้” คนยิ่งขึ้นสูงต้องยิ่งถ่อมตัว” 30. อย่าเปรียบเทียบตนเองกับคนอื่น Don’t Compare เพราะเราเปลี่ยนอดีตไม่ได้แต่เราเปลี่ยนอนาคตได้ อย่ามัวเสียเวลาคิดถึงอดีตที่เปลี่ยนไม่ได้ คิดถึงอนาคตที่สดใสของคุณดีกว่า
31. กระสุนนัดเดียวต้องโดน Limites Bullets 32. คำปฏิเสธ….นั้นไซร้ธรรมดา Coping with Rejections ผมมีสองทางให้เลือก จะยอมแพ้หรือจะถามคนต่อไปที่อาจจะมีความต้องการ “ตรงกับเรา” 33. กินกบตั้งแต่เช้า Eat that frog ศัตรูตัวเล็กๆที่มีประสิทธิภาพสูงในการสกัดกั้นความสำเร็จคือนิสัยการผัดวันประกันพรุ่งเพื่อสร้างวินัย งานชิ้นแรกที่คุณควรทำในแต่ละวันคืองานที่คุณไม่อยากทำที่สุด งานที่ยากที่สุด
34. โชคชะตาไม่สำคัญ LUCK โชคเกิดขึ้นเมื่อการเตรียมพร้อมพบกับโอกาส 35. มีความสุขเดี๋ยวนิ้ Be Happy-Now! ถ้าคุณสังเกต ความสุขไมได้มาจากสิ่งภายนอก มันมาจากภายในขึ้นอยู่กับคุณเห็นค่ากับสิ่งที่ตนเองมีอยู่แล้วมากน้อยแค่ไหน 36. โลกนี้ไม่เคยต้องยุติธรรม The World is Never Fair การตอบรับสถานการณ์ที่เรามีหรือเป็นอยู่สำคัญกว่าสถานการณ์ที่ชีวิตให้มา เพราะฉะนั้น ทิศทางของชีวิตเราอยู่ในความควบคุมของเราเอง
37. อย่าล้มเลิก Never Give Up เหตุผลส่วนหนึ่งก็คือว่า บางครั้งความสำเร็จอาจจะอยู่แค่เอื้อม แต่เพราะความท้อแท้และเหนื่อยหน่ายทำให้เราล้มเลิกไปเสียก่อน ความสำเร็จอยู่หัวเลี้ยวสุดท้ายที่เอง 38. อย่างหวัดแต่พึ่งคนอื่น Your are Responsible คุณต้องรับผิดชอบอาชีพของคุณเอง 39. อธิษฐาน Prayer การอธิฐาน ขาดไม่ได้สำหรับการให้ได้สิ่งที่ต้องการ เมื่อคุณรู้สึกหมดหนทาง…..จงอธิฐาน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
finghting!!!
|
|
|
jainu
|
 |
« ตอบ #302 เมื่อ: พฤษภาคม 03, 2012, 09:08:51 PM » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
finghting!!!
|
|
|
jainu
|
 |
« ตอบ #303 เมื่อ: พฤษภาคม 07, 2012, 09:10:13 PM » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
finghting!!!
|
|
|
|
jainu
|
 |
« ตอบ #305 เมื่อ: พฤษภาคม 20, 2012, 09:15:43 PM » |
|
24 เมืองร้างบนโลกใบนี้1.Abandoned Medieval Town of Balestrino, Italy  ไม่แน่ใจว่าสถานที่แห่งนี้ใครเป็นผู้เริ่มสร้าง แต่ในปี1100 สำนักสงฆ์Benedictineแห่งSan Pietro dei Montiได้กล่าวอ้างถึงความเป็นเจ้าของ จริงๆแล้วมีหลายประเทศสร้างมันขึ้นมา คงเป็นเพราะภาวะสงครามในสมัยก่อน มีการแย่งอาณานิคมกัน ปัจจุบันจะพบเห็นปราสาทที่อยู่ส่วนบนสุดของเมืองและซากกำแพงเมืองที่ยาว เยียดตลอดจนต้นมะกอกที่เรียงรายกันโดยรอบถือได้ว่าเป็นเมืองที่สวยงามแห่ง หนึ่ง ส่วนเหตุที่ต้องกลายเป็นเมืองร้างปราศจากผู้คนเพราะเหตุแผ่นดินไหวนั่นเอง2.Abandoned City & Commune of Oradour, France   ในช่วงจุดเดือดของสงครามโลกครั้งที่สอง จากคำบอกเล่าของนายทหารเยอรมันผู้หนึ่ง นี่เป็นผลพวงจากความโหดร้ายในการสังหารหมู่ เด็กๆและผู้หญิงถูกต้อนราวกับฝูงแกะเข้าไปในโบสถ์ และถูกเผาทั้งเป็น ส่วนผู้ชายก็ถูกทรมานด้วยการยิงที่ขา ให้ตายอย่างช้าๆในโรงนา ปัจจุบันซากของเมืองเก่ายังคงมีให้เห็นอยู่ในความทรงจำของวันที่โหดร้าย และชาวเมืองOradousได้ย้ายถิ่นฐานของตนไปยังเมืองใกล้ๆ คงเหลือไว้แต่เพียงซากความทรงจำที่แสนเจ็บปวด3. Abandoned Island City of Hashima, Japan   [ size=12pt]เกาะ Hashima อยู่ห่างจากเมือง Nagasaki ประมาณ 15 กิโลเมตร ทุกวันนี้เป็นเกาะร้างไม่มีใครอยู่อาศัย (ในญี่ปุ่นมีเกาะประมาณ 505 แห่งที่ไม่มีผู้อยู่อาศัย) ทั้งที่ครั้งหนึ่งระหว่างปี 1890 ถึงปี 1974 เกาะ Hashima เป็นเกาะที่มีคนอยู่อาศัยหนาแน่นที่สุดคือ 835คนต่อหนึ่งเฮคเตอร์ Mitsubishi บริษัทชื่อดังของญี่ปุ่น ซื้อเกาะ Hashima แห่งนี้เมื่อปี 1890 ด้วยโครงการที่จะขุดเอาถ่านหินจากใต้ทะเลขึ้นมาใช้ มีการสร้างตึกคอนกรีตขนาดใหญ่ และที่พักสำหรับคนงานบนเกาะและกำแพงสูงเพื่อป้องกันพายุไต้ฝุ่น แต่พอย่างเข้าทศวรรษ 1960 น้ำมันเข้ามามีบทบาทแทนถ่านหิน ทำให้เหมืองถ่านหินทยอยปิดตัวลงเรื่อยๆ และรวมถึงเหมืองถ่านหินบนเกาะ Hashima ด้วย ในที่สุดเมื่อปี 1974 Mitsubishi ประกาศปิดเหมืองบนเกาะนี้อย่างเป็นทางการ ผู้คนบนเกาะซึ่งล้วนเป็นพนักงานของ Mitsubishi และครอบครัวของพนักงานเหล่านี้ถูกอพยพจากเกาะ ทำให้เกาะ Hashima เปลี่ยนสภาพจากเกาะ ที่เคยมีผู้อยู่อาศัยอย่างหนาแน่นกลายเป็นเกาะร้างในพริบตา เกาะ Hashima ก็เลยถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า Ghost Islands จนถึงปัจจุบันนี้ Mitsubishi ยังคงไม่อนุญาตให้ใครก็ตามขึ้นไปบนเกาะแห่งนี้ Okazaki Ritzuko นักร้องและนักแต่งเพลงชาวญี่ปุ่น (เสียชีวิตแล้ว) ก็เกิดที่เกาะแห่งนี  Kolmanskopเมืองร้างที่อยู่ในทวีปแอฟริกาที่เต็มไปด้วยซากสถาปัตยกรรมสไตล์ เยอรมัน ลักษณะเมืองเหมือนดังเช่นในเยอรมันทั่วๆไป มีโรงพยาบาล โรงเรียน สถานีไฟฟ้าโรงหนังและยังมีคาสิโนอีกด้วย ที่นี่เคยเป็นแหล่งค้าเพช็รที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในแอฟริกาด้วย แต่หลังจากตลาดเพช็รแห่งนี้เกิดประสบปัญหาบางอย่าง ชาวเมืองก็ต่างพากันอพยพออกไป ทิ้งไว้เพียงร่องรอยแห่งความเจริญที่ตกอยู่ภายใต้ผืนทรายเท่านั้น5.Abandoned Area of Varosha, Cyprus  แต่เดิมพื้นที่แห่งนั้นมักจะมีปัญหาความขัดแย้งกันรหว่างประเทศ เดิมใช้ชื่เรียกว่าFamagustaและถูกสร้างเป็นรีสอร์ทสำหรับนักท่องเที่ยว แต่ในปี1970ตุรกีได้บุกรุกและอ้างสิทธิพื้นที่ท่องเที่ยวแห่งนี้เป็นของตัว เอง และได้สร้างรั้ว ติดป้ายคำเตือนต่างๆโดยรอบ แต่หลังจากนั้นพื้นที่ก็ไม่ได้ถูกใช้งานอะไรเลย จนปล่อยให้ร้างและทรุดโทรมลง6.Abandoned Gulag Concentration Camp ค่ายกักกันGulagตั้งอยู่ในประเทศรัสเซีย(คาดว่าน่าจะอยู่ในสมัยของนายพลสตา ลิน) ที่แห่งนี้ถูกใช้เป็นที่สำหรับปฏิบัติงานและคุมขังนักโทษและมีซากของคนตาย เกลื่อนไปหมด นั่นแหละครับเหตุผลที่ทำให้มันร้างในปัจจุบัน(ใครจะไปอยู่ล่ะ)7.Abandoned Town of Centralia, Pennsylvania เหมือนกับว่าเมืองจะมีปัญหาต่างๆเช่น มีกลุ่มควันแก๊สพุ่งขึ้นมาบนทางหลวง อุณหภูมิน้ำที่สูงผิดปกติเลยทำให้ชาวเมืองค่อยๆอพยพออกไป8.Abandoned Flooded City of Quabbin, Massachusetts อ่างเก็บน้ำQuabbinเป็นอ่างเก็บน้ำที่ใหญ่ที่สุดในเมืองMassachusetts บริเวณนี้ยังประกอบด้วยเมืองเล็กๆอีก4เมืองและยังมีถนน รางรถไฟ อาคารสาธารณะ อนุสาวรีย์ และหลุมศพ ซึ่งเคยถูกน้ำท่วมอย่างหนัก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
finghting!!!
|
|
|
jainu
|
 |
« ตอบ #306 เมื่อ: พฤษภาคม 20, 2012, 09:24:52 PM » |
|
9.Abandoned War-Torn City of Agdam, Azerbaijan หนึ่งในเมืองของAzerbaijanที่มีความหนาแน่นของประชากรและความเจริญรุ่งเรือง โดยการยึดครองของชาวอาเมเนียน แต่ในที่สุดก็ไม่พ้นที่จะต้องกลายเป็นเมืองร้างเพราะพิษสงคราม ปัจจุบันยังมีนักผจญภัยทั้งหลายคอยเข้าไปเก็บภาพสิ่งที่เหลือของชาวเมืองนี้ ก่อนที่จะไม่มีใครได้เห็นมันอีก10.Abandoned Resort Town of Yashima, Japan  เมืองYashima อยู่ในเขตพื้นที่ราบสุงของของเกาะแห่งหนึ่งในยี่ปุ่น ในปีค.ศ.1980ขณะที่เสรษฐกิจของญี่ปุ่นอยู่ในจุดที่สูงสุด นักลงทุนต่างพากันมาสร้างรีสอร์ทขนาดใหญ่ที่นี่ บนเกาะเล็กๆแห่งนี้เต็มไปด้วยรีสอร์ทที่พักถึง6แห่งร้านค้าต่างมากมาย แต่ในที่สุดก็มาถึงจุดพลิกผันเมื่อนักลงทุนล้มละลายเพราะไม่สามารถดึงลูกค้า ต่างชาติไว้ได้ หมู่บ้านจึงถูกปิดตัวลงและทิ้งทุกอย่างไว้ไม่ว่าจะเป็นของในร้านค้า เฟอร์นิเจอร์ต่างๆและเศษซากต่างๆไว้11.Abandoned Disaster City of Beichuan, China  การทำลายล้างอย่างฉับพลันของแผ่นดินไหว ทำให้ตึกต่างๆในเมืองBeichuanในประเทศจีนต้องพังพินาศ ผู้คนนับพันต้องตาย อีกราว1หมื่นคนต้องไร้ที่อยู่อาศัย ขอบเขตของความเสียหายที่มากเกินจนไม่สามารถสร้างเมืองขึ้นใหม่ได้ในที่เดิม จนต้องปล่อยให้กลายเป็นเมืองแห่งซากปรักหักพังต่อไป12.Abandoned Ghost Town of Cairo, Illinois  เมืองCairoถูกสร้างขึ้นในยุคกลางของศตวรรษที่19 เป็นแหล่งที่ให้บริการเรือขนส่งทางอุตสาหกรรมและเป็นจุดแลกเปลี่ยนสินค้าที่ สำคัญอีกด้วย ยังไม่พอยังเป็นฐานปฏิบัติงานของทหารในยุคสงครามกลางเมืองอีกด้วย แต่แล้วในปี1920จนกระทั่งปี2000จำนวนประชากรในเมืองลดลงอย่างน่าใจหาย จากประชากรราว15,000คนลดลงเหลือเพียง2,000คน แต่ผู้คนที่ยังเหลืออยู่ยังคงรักษาอาคารก่อสร้างและส่วนต่างๆไว้ในรูปแบบ เดิม(สรุปคือเกือบร้าง เพราะประชากรเหลือน้อย)13.Deserted Floating City of Oily Rocks, Azerbaijan  ชายฝั่งทะเลของประเทศAzerbaijanที่มีความเจริญเติบโตจากอุตสาหกรรมน้ำมันดิบ ที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลกก็ว่าได้ จนทำใหบริเวณนี้กลายเป็นเมืองที่มั่งคั่งไปด้วยบ้านเรือนผู้คน โรงเรียน ห้องสมุดประชาชน ร้านค้า และสิ่งอำนวยความสะดวกให้แก่พนักงานและครอบครัวของพวกเขา เพราะภูมิสภาพเป็นดังแผ่นเหล็กลอยน้ำจึงทำให้บางส่วนเริ่มจมลงและถูกคลื่น ทะเลซัด แต่ไม่ถึงกับทั้งหมดทีเดียวเพราะยังเหลือร่องรอยที่ถูทิ้งให้รกร้างไว้ดู ต่างหน้าอยู่14.Deserted Village of Villa Lago Epecun, Argentina หลังจากการเปลี่ยนแปลงของสายน้ำอย่างถาวร Villa Lago Epecunถึงตกอยู่ในสภาพเมืองบาดาลอยู่นาน จนหลังจากระดับน้ำลดลงจนทำให้เห็นสภาพของซากอาคารต่างๆและตันไม้ที่เรียงราย กันเป็นแนว ถึงแม้ว่าจะผ่านพ้นเหตุการณ์นี้ไปแล้วแต่ก็ไม่มีชาวเมืองคนใดหวนกลับมาใช้ ชีวิตที่หมู่บ้านนี้อีกเลย15.Deserted Town of Castelnuovo de’ Sabbioni, Italy 15.Deserted Town of Castelnuovo de’ Sabbioni, Italy  หมู่บ้านร้างที่น่าพิศวงแห่งCastelnuovo de’ Sabbionประเทศอิตาลี ตั้งอยู่บนภูเขาเล็กๆใกล้กับเมืองArezzo ส่วนเรื่องสาเหตุของมัน นี่ก็ไม่รู้เหมือนกันครับ เพราะเหมือนว่ามันยังเป็นปริศนาอยู่16.Deserted Walled Medieval Town of Craco, Italy เมืองร้างที่ถูกปิดรอบไปด้วยกำแพงในยุคกลางของเมืองCraco เมืองที่ตั้งอยู่บนหน้าผาสูง400ฟุต ถูกสร้างขึ้นศริสต์ศักราช500 แต่ดังต้องคำสาป เมืองแห่งนี้ถูกภัยพิบัติ ไม่ว่าจะเป็นภัยแล้งที่ทำให้ผลิตผลทางการเกษตรไม่ดี การถูกโจรปล้นบ้านเรือนและสุดท้าย การเกิดแผ่นดินไหวที่เป็นเหมือนลางร้ายที่นำพาให้เมืองล่มสลาย ใน ปี1960 ประชากรกลุ่มสุดท้ายได้อพยพออกไปเพราะเกรงกลัวแผ่นดินไหว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
finghting!!!
|
|
|
jainu
|
 |
« ตอบ #307 เมื่อ: พฤษภาคม 20, 2012, 09:35:41 PM » |
|
17.Wild West Ghost Town of Bodie, California  เมืองBodieรัฐCalifornia เป็นหัวใจสำคัญของชายแดนแห่งเมืองตะวันตกที่มีร้านประเภทSaloon12แห่ง แถมยังมีย่ายไชน่าทาวน์อีกด้วย เมืองที่มีกลิ่นอายของคาวบอย การทะเลาะวิวาทกันในบาร์ การปล้นรถม้าโดยสาร และอื่นๆสารพัดตามสไตล์ตะวันตกเพราะเหตุนี้ทำให้ชาวเมืองทยอยจากไป ตลอดระยะเวลาการก่อตั้งเมืองความเจริญรุ่งเรืองมาสิ้นสุดในศตวรรษที่20 แต่ปัจจุบันได้รับการพื้นฟูสภาพตัวเมืองให้ใกล้เคียงกับอดีตมากที่สุด18.Deserted Ghost City of Humberstone, Chile Humberstoneถูกสร้างขึ้นรอบอุตสาหกรรมการขุดแร่ โซเดียมและดินประสิว ขณะนั้นเศรษฐกิจของชาวอเมริกันอยู่ในช่วงตกต่ำสุดๆ และต่อมาเศรษฐกิจค่อยๆพื้นตัวขึ้นและความสนใจในอุตสาหกรรมที่เมืองนี้ทำอยู่ ก็ลดน้อยลง ที่แห่งนี้ก็เลยถูกปล่อยให้รกร้างลง19.Deserted Mining Town of Pyramiden, Sweden  ย่านอุตสาหกรรมถ่านหินของสวีเดนที่ถูกขายทอดต่ออดีตสหภาพรัสเซียก่อนคริสต์ ศักราช1920 ภายหลังรัสเซียประก่ศว่าเมืองนี้ไม่มีความจำเป็นและไม่มีผลผลิตตามที่รัฐบาล ตั้งเป้าหมายไว้ ประชากรทั้งหมดก็ถูกถอดทัพออกไปอย่างฉับพลัน20.Deserted Mining Town of Sewell, Chile  เมืองSewellถูกสร้างขึ้นมาอย่างซับซ้อนในเทือกเขาแอนดิสในประเทศชิลี และเคยเป็นบ้านพักของคนงานกว่า15,000คน การเดินทางต้องทางรถไฟแล้วต่อด้วยการเดินเท้า ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าด้วยการเดินทางที่แสนไกลนี้จะทำให้กลายเป็นเมืองร้างรึ เปล่า แต่ที่สำคัญข้างใต้เมืองนี้ยังครอบคลุมไปด้วยเหมืองแร่ทองแดงที่ใหญ่ที่สุด ในโลกด้วย21.Abandoned Mountain Town of Sardinia, Italy  22.Deserted Resort Village of San Zhi, Taiwan เรื่องจริงของหมู่บ้านร้างแห่งนี้ยังไม่มีใครรู้แน่ชัด ผู้สร้างพยายามสร้างหมู่บ้านนี่ให้เป็นที่พักในวันหยุดเป็นบ้านพักที่อยู่บน น้ำอีกด้วย แต่อย่างไรก็ตาม การก่อสร้างก็ดันมีปัญหาในตอนสุดท้าย ชิ้นส่วนไฟเบอร์กลาสที่ใช้ในการก่อสร้างบ้านทรงจายบินเหล่านี้เกิดผุกร่อนลง และทำให้บางส่วนมันพังลงมา ชาวบ้านละแวกนั้นเชื่อว่าสถานที่ ตั้งแห่งนั้นมีอาถรรพ์เลยทำให้ไม่มีใครกล้าเข้ามาอีก23.Deserted Walled City of Kowloon, Hong Kong    size=12pt]จากสภาพเมืองที่เป็นเหมือนกำแพง ไม่มีแสงและอากาศบริสุทธ์ถ่ายเท ความแออัดจนทำให้เกิดปัญหาต่างๆมากมายเช่นอาชญากรรม จนในที่สุดรัฐบาลมีคำสั่งให้ถอดถอนอพยพคนออกไ  เมืองแห่งประวัติศาสตร์ของAlexandriaที่หายสปจนไปกว่า1,600ปี ไม่ว่าจะเป็นละครเวทีที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์ของที่เกี่ยวเนื่อง กับCleopatra, Julius Caesar, Marc AntonyและOctaviusล้วนถูกจมหายภายใต้กระแสน้ำ นักโบราณคดีค้นพบว่าทุกสิ่งจมอยู่ใต้น้ำหลังจากเกิดแผ่นดินไหวและคลื่นสึนา มิ สถานที่แห่งนี้เคยมีประชากรถึง500,000คน ถ้าจะบันทึกประวัติศาสตร์แห่งนี้อาจต้องใช้บัญชีหางว่าวมากกว่า7แสนเล่ม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
finghting!!!
|
|
|
jainu
|
 |
« ตอบ #308 เมื่อ: กรกฎาคม 09, 2012, 09:03:45 PM » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
finghting!!!
|
|
|
jainu
|
 |
« ตอบ #309 เมื่อ: กรกฎาคม 09, 2012, 09:04:36 PM » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
finghting!!!
|
|
|
jainu
|
 |
« ตอบ #310 เมื่อ: กรกฎาคม 09, 2012, 09:06:38 PM » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
finghting!!!
|
|
|
|
jainu
|
 |
« ตอบ #312 เมื่อ: กรกฎาคม 13, 2012, 09:18:07 PM » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
finghting!!!
|
|
|
|
jainu
|
 |
« ตอบ #314 เมื่อ: กรกฎาคม 20, 2012, 11:13:21 AM » |
|
ทัศนคติของคนต่างชาติมองการทำงานของคนไทย….
เรา คว้าตัวฝรั่งมาทั้งหมด 12 คน ซึ่งแต่ละคนโชกโชนกับการทำงานในแวดวงคนไทยไม่ต่ำกว่า 10 ปี เมื่อถามว่าพวกเค้ามีความเห็นอย่างไรกับการทำงานแบบไทย ๆ เราก็ได้คำตอบว่า: 1. ทัศนคติต่อการเปลี่ยนแปลง คนไทยมักจะยึดติดกับความเคยชินแบบเดิม ๆ เคยทำมาอย่างไรก็จะทำอยู่อย่างนั้น ไม่ ค่อยมีความคิดที่จะเปลี่ยนแปลง และถ้าฝรั่งเอาวิธีใหม่ ๆ เข้ามาทำให้พวกเขาต้องทำอะไรที่ต่างไปจากเดิม ก็จะถูกมองว่าเป็นการสร้างความรำคาญให้พวกเขา มักจะไม่ค่อยได้รับความร่วมมืออย่างเต็มที่หรือไม่ก็ถึงกับถูกต่อต้านก็มี - เจฟฟรีย์ บาร์น 2. การโต้แย้ง เมื่อ มีการเจรจา คนไทยจะไม่กล้าโต้แย้งทั้ง ๆ ที่ตัวเองกำลังเสียเปรียบ ส่วนใหญ่มักจะปล่อยให้อีกฝ่ายเป็นคนคุมเกม บางคนบอกว่ามีนิสัยอย่างนี้เรียกว่า “ขี้เกรงใจ” แต่สำหรับฝรั่งแล้ว นิสัยนี้จะทำให้คนไทยไม่ก้าวหน้าเท่าที่ควร - ทานากะ โรบิน (จูเนียร์) ฟูจฮาระ 3. ไม่พูดสิ่งที่ควรพูด เอกลักษณ์ อีกอย่างหนึ่งของคนไทยคือ มักจะไม่ค่อยกล้าบอกความคิดของตัวเองออกมา ทั้ง ๆ ที่คนไทยก็มีความคิดดีไม่ไม่แพ้ฝรั่งเลย แต่มักจะเก็บความสามารถไว้ ไม่บอกออกมาให้เจ้านนายได้รู้ และจะไม่กล้าตั้งคำถาม บางทีฝรั่งก็คิดว่าคนไทยรู้แล้วเลยไม่บอกเพราะเห็นว่าไม่ถามอะไร ทำให้ทำงานกันไปคนละเป้าหมาย หรือทำงานไม่สำเร็จ เพราะคนที่รับคำสั่งไม่รู้ว่าถูกสั่งให้ทำอะไร - ไมเคิล วิดฟิล์ค 4. ความรับผิดชอบ 1. ฝรั่งมองว่าคนไทยเรามักทำไม่ค่อยกำหนดระยะเวลาในการทำงานไว้ล่วงหน้า ทั้ง ๆ ที่งานบางชิ้นต้องทำให้เสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนดยิ่งงานไหนให้เวลาในการทำ งานนานก็จะยิ่งทิ้งไว้ทำตอนใกล้ ๆ จะถึงกำหนดส่ง เลยทำงานออกมาแบบรีบ ๆ ไม่ได้ผลงานดีเท่าที่ควร 2. ไม่ค่อยยอมผูกพันและรับผิดชอบเป็นลายลักษณ์อักษร ถ้าให้เซ็นชื่อรับผิดชอบงานที่ทำคนไทยจะกลัวขึ้นมาทันที เหมือนกับกลัวจะทำไม่ได้ หรือกลัวจะถูกหลอก - สเตฟานี จอห์นสัน 5. วิธีแก้ไขปัญหา คน ไทยไม่ค่อยมีแผนการรองรับเวลาเกิดปัญหา แต่จะรอให้เกิดก่อนแล้วค่อยหาทางแก้ไปแบบเฉพาะหน้า หลายครั้งที่ฝรั่งพบว่าคนไทยไม่รู้จะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างไร ต้องรอให้เจ้านายสั่งลงมาก่อนแล้วค่อยทำตาม ถ้านายเจ้านายไม่อยู่ทุกคนก็จะประสาทเสียไปหมด - ดร.มาเรีย โรเซนเบิร์ก 6. บอกแต่ข่าวดีคนไทยมีความเคยชินในการแจ้งข่าวที่แปลกมาก คือ 1. จะไม่กล้าบอกผู้บังคับบัญชาชาวต่างชาติเมื่อเกิดปัญหาขึ้น จนกระทั่งบานปลายไปเกินแก้ไขได้จึงค่อยเข้ามาปรึกษา 2. จะเลือกบอกแต่สิ่งที่คิดว่าเจ้านายจะชอบ เช่น บอกแต่ข่าวดี ๆ แทนที่จะเล่าไปตามความจริง หรือถ้าหากเจ้านายถามว่าจะทำงานเสร็จทันเวลาไหม ก็จะบอกว่าทัน (เพราะรู้ว่านายอยากได้ยินแบบนี้) แต่ก็ไม่เคยทำทันตามเวลาที่รับปากเลย - โจนาธาน ธอมพ์สัน 7. คำว่า “ไม่เป็นไร” เป็น คำพูดที่ติดปากคนไทยทุกคน ทำให้เวลามีปัญหาก็จะไม่มีใครรับผิดชอบ และจะไม่ค่อยหาตัวคนทำผิดด้วยเพราะเกรงใจกัน แต่จะใช้คำว่า “ไม่เป็นไร” มาแก้ปัญหาแทน - เจนิส อิกนาโรห์ 8. ทักษะในการทำงาน 1. ไม่สามารถทำงานร่วมกันเป็นทีมได้ ถ้าทำงานเป็นทีมมักมีปัญหาเรื่องการกินแรงกันบางคนขยันแต่บางคนไม่ทำอะไรเลย บางทีก็มีการขัดแย้งกันเองในทีม หรือเกี่ยงงานกันจนผลงานไม่คืบหน้า 2. ไม่ค่อยมีทักษะในการทำงาน แม้จะผ่านการศึกษาในระดับสูงมาแล้ว และไม่ค่อยใช้ความพยายามอย่างเต็มทีเพื่อให้ได้ผลงานที่ดีที่สุด 3. พนักงานชาวไทยที่รู้จัก ส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้สึกกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้เรื่องราวความเคลื่อนไหวของ โลกเท่าไรนัก แล้วไม่ค่อยชอบหาความรู้เพิ่มเติมแม้จะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับงานก็ตาม - เดวิด กิลเบิร์ก 9. ความซื่อสัตย์ พนักงาน คนไทยควรจะมีความซื่อสัตย์และตรงไปตรงมามากกว่านี้ หลายครั้งที่ชอบโกหกในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น มาสาย ขาดงานโดยอ้างว่าป่วย ออกไปข้างนอกในเวลางาน - เฮเบิร์ก โอ ส์ 10. ระบบพวกพ้อง คน ไทยมักจะนำเพื่อนฝูงมาเกี่ยวข้องกับธุรกิจเสมอ ผมไม่เคยชอบวิธีนี้เลย ตัวอย่างเช่น การจัดซื้อข้าวของภายในสำนักงาน พวกเขามักจะแนะนำเพื่อน ๆ มาก่อนโดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ที่บริษัทควรจะได้รับ นี่เป็นประสบการณ์จริงที่ประสบมา การให้ความช่วยเหลือเพื่อนไม่ใช่เรื่องแปลก แต่การที่ไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของบริษัทเลยเป็นอะไรที่แย่มาก และเมื่อพบว่าเพื่อนพนักงานด้วยกันทุจริต คนไทยก็จะช่วยกันปกป้อง และทำให้ไม่รู้ไม่เห็นจนกว่าผู้บริหารจะตรวจสอบได้เอง - มาร์ค โอเนล ฮิวจ์ 11. แยกไม่ออกระหว่างเรื่องงาน และเรื่องส่วนตัว คน ไทยมักจะไม่รู้ว่าอะไรว่าอะไรคือเรื่องงาน และอะไรที่เรียกว่าเรื่องส่วนตัว พวกเขาชอบเอาทั้งสองอย่างนี้มาปนกันจนทำให้ระบบการทำงานเสียไปหมด ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่อย่างหนึ่งขององค์กร 1. ชอบสอดรู้สอดเห็น โดยเฉพาะเรื่องส่วนตัวของเพื่อนร่วมงาน 2. มักจะคุยกันเรื่องส่วนตัวที่ไม่เกี่ยวกับงานมากเกินไป บางครั้งทำให้บานปลายและนำไปสู่ข่าวลือ และการนินทากันภายในสำนักงาน 3. มักจะลาออกจากบริษัทโดยไม่ยอมแจ้งล่วงหน้าตามข้อตกลง แต่กลับคาดหวังว่าจะได้รับผลประโยชน์เต็มที 4. ไม่ยอมรับความผิดชอบที่มีมากขึ้นในช่วงวิกฤติ 5. ต้องการเงินมากขึ้นแต่กลับไม่ค่อยสร้างคุณค่างานอะไรเพิ่มขึ้นเลย - วิลเลี่ยม แมคคินสัน 12. นับถือระบบอาวุโส คน ไทยให้เกียรติคนที่อายุมากกว่ามากเกินไป จนไม่กล้าทำอะไรที่เรียกว่าเป็นการข้ามหน้าข้ามตา บางครั้งคนที่อายุน้อยกว่าอาจจะมีความคิดความสามารถมากกว่า แต่ก็ไม่กล้าแสดงออกเพราะเกรงใจคนที่อายุมาก เป็นการทำลายโอกาสของตัวเอง และโอกาสของบริษัท - เนลสัน ฟอร์ด — with Raweewan Weerapan and Moddang Nak. บางทีความจริงมันเจ็บปวด แต่มันก็เป็นยาขมที่รักษาไข้ได้เป็นอย่างดี ขอบคุณทุกความจริง ที่จะทำให้พวกเราคนไทยทำงานดีขึ้น
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 20, 2012, 11:16:52 AM โดย nujai »
|
บันทึกการเข้า
|
finghting!!!
|
|
|
Gold Price today, Gold Trend Price Prediction, ราคาทองคํา, วิเคราะห์ทิศทางทองคํา
|
Thanks: ฝากรูป dictionary
---------------------Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. For more information on Moore Research products and services click here. --- http://www.mrci.com ----------
---------------------------------------------รูปกราฟแสดงราคาทองในอดีตปี 1974-1999 ของ Moore Research Center, Inc.
แสดงฤดูกาลที่ราคาทองขึ้นสูงสุดและตําสุด เอาแบบคร่าวๆ เส้นนําตาลหรือนําเงินก็ใกล้เคียงกัน เส้นนําตาลเฉลี่ย
15 ปี เส้นนําเงินเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุดของเส้นนําตาล หรือเฉลี่ย 15 ปี ในเดือน ปลายเดือน เมษ และปลายเดือน สค
ต่อต้นเดือน กย[/color] สูงสุดในเดือน กพ กับ พย / ส่วนเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุด ต้น กค กับ ปลาย สค และราคาสูงสุดในเดือน
กพ และ กลางเดือน ตค -----
แค่ดูคร่าวๆ เป็นแนวทาง อย่ายึดมั่นว่าจะต้องเป็นตามนี้
ข้างล่างเป็นกราฟราคานํามัน ตามฤดูกาล จาก Charts courtesy of Moore Research Center, Inc.
Thanks: ฝากรูป dictionary
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|